ความสำคัญของการฝึกกล้ามเนื้อแกนกลาง (Core Stabilization) ในผู้ป่วยปวดหลังเรื้อรัง

ความสำคัญของการฝึกกล้ามเนื้อแกนกลาง (Core Stabilization) ในผู้ป่วยปวดหลังเรื้อรัง

อาการปวดหลังเรื้อรังมักเกิดขึ้นแบบ “ไม่รู้ตัว” จากท่านั่ง ท่ายืน หรือวิธีใช้ร่างกายซ้ำๆ จนกล้ามเนื้อบางมัดต้องทำงานหนักเกินความจำเป็น ในขณะที่อีกหลายมัดแทบไม่ได้ถูกใช้งานเลย

หนึ่งในระบบที่มักเสียสมดุลมากที่สุดและเป็นรากฐานสำคัญของร่างกาย คือ กล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว (Core Muscles) ซึ่งเป็นกลุ่มกล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่ช่วยพยุงกระดูกสันหลังให้มีความมั่นคง

เมื่อกล้ามเนื้อแกนกลางอ่อนแรง กระดูกสันหลังจะขาดการพยุงที่เหมาะสม ทำให้กล้ามเนื้อหลังส่วนล่างต้องเข้ามารับภาระหนักเกินไปจนเกิดอาการ “ปวดหลังเรื้อรัง” ที่ไม่ว่าจะรักษาด้วยวิธีใดก็มักจะกลับมาเป็นซ้ำ หรือหายไม่ขาดสักที

บทความนี้จะอธิบายให้ชัดเจนว่าทำไมการฝึกกล้ามเนื้อแกนกลางถึงเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยผู้ป่วยปวดหลังเรื้อรังได้จริง และควรเริ่มต้นอย่างไรให้ปลอดภัยและได้ผล

    กล้ามเนื้อแกนกลางคืออะไร? ไม่ใช่แค่กล้ามท้อง (Six Pack)

    หลายคนมักเข้าใจผิดคิดว่า กล้ามเนื้อแกนกลาง หมายถึงกล้ามเนื้อหน้าท้องที่เป็นลอนสวยหรือซิกแพ็กเท่านั้น

    แต่ในความเป็นจริงแล้ว กล้ามเนื้อแกนกลางคือระบบการทำงานร่วมกันของกล้ามเนื้อ 4 กลุ่มหลักที่เปรียบเสมือน "กล่อง" ที่ห่อหุ้มและพยุงกระดูกสันหลังไว้

    1. Transversus Abdominis (TrA)
    2. เป็นกล้ามเนื้อชั้นลึกที่สุดในหน้าท้อง ทำหน้าที่เหมือน “เข็มขัดรัดเอวตามธรรมชาติ (Natural Corset)”
    3. ถ้าอ่อนแรง = กระดูกสันหลังจะขาดความมั่นคงและเคลื่อนตัวมากเกินไป นำไปสู่อาการปวดหลัง
    4. Multifidus
    5. เป็นกล้ามเนื้อชิ้นเล็กๆ ที่เกาะชิดกับข้อต่อกระดูกสันหลัง ทำหน้าที่ให้ความมั่นคงในทุกๆ ครั้งที่เราขยับตัว
    6. ถ้าไม่ทำงาน = จะเกิดความไม่มั่นคงระดับข้อต่อย่อย (Micro-instability) ทำให้มีอาการปวดลึกๆ หรือปวดแบบจี๊ดๆ
    7. Diaphragm (กระบังลม) และ Pelvic Floor (กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน)
    8. สองกลุ่มนี้ทำหน้าที่เป็น "ฝาปิดด้านบน" และ "พื้นด้านล่าง" ของกล่องแกนกลาง ทำงานประสานกับ TrA เพื่อควบคุมความดันภายในช่องท้อง (Intra-abdominal Pressure)

    ทำงานดี = กระดูกสันหลังจะนิ่งและมั่นคง

    ทำงานแย่ = จะเกิดอาการหลังล้าเรื้อรังและขาดการทรงตัวที่ดี

    เพราะฉะนั้น กล้ามเนื้อแกนกลาง = ระบบการทำงานเป็นทีม (Teamwork) ไม่ใช่การทำงานของกล้ามเนื้อเพียงมัดใดมัดหนึ่ง

    ทำไมคนปวดหลังเรื้อรังถึงจำเป็นต้องฝึกกล้ามเนื้อแกนกลาง?

    เพราะ “ความไม่มั่นคง (Instability)” ของกระดูกสันหลังเป็นสาเหตุหลักที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังของอาการปวดหลังเรื้อรัง

      1. หลังส่วนล่างต้องทำงานชดเชยแทนกล้ามเนื้อแกนกลาง

      เมื่อกล้ามเนื้อ TrA และ Multifidus ไม่ทำงาน

      • กล้ามเนื้อหลังส่วนตื้น (เช่น Erector Spinae) จะต้องเข้ามารับงานหนักแทนเพื่อพยุงหลัง
      • เกิดการเกร็งตัวสะสมและการใช้งานเกินกำลัง (Muscle Overuse)
      • ส่งผลให้เกิดอาการปวดตึงและเมื่อยล้ามากขึ้นในทุกๆ วัน

      2. หมอนรองกระดูกสันหลังถูกกดทับมากขึ้น

      เมื่อความมั่นคงของแกนกลางลดลง

      •  กระดูกสันหลังจะเคลื่อนไหวหรือบิดตัวในแนวที่ไม่ถูกต้องได้ง่าย
      • แรงกระแทกจะถูกส่งผ่านไปยังหมอนรองกระดูกอย่างไม่สม่ำเสมอ
      • นำไปสู่ความเสี่ยงของภาวะหมอนรองกระดูกเสื่อมเร็วกว่าปกติ

      3. เกิดท่าทางที่ผิดปกติ (Postural Dysfunction)

      กล้ามเนื้อแกนกลางที่อ่อนแรงทำให้ร่างกายไม่สามารถรักษาท่าทางที่ถูกต้องได้ ส่งผลให้เกิด

      • ภาวะหลังแอ่นมากเกินไป (Hyperlordosis)
      • การทรงตัวที่ไม่ดีเวลาเดินหรือยกของ
      • อาการปวดหลังเมื่อต้องยืนหรือนั่งทำงานเป็นเวลานาน

      4. อาการปวดเอ็นและข้อต่อจากการรับน้ำหนักผิดจุด

      เมื่อหลังส่วนล่างต้องรับภาระแทนกล้ามเนื้อแกนกลางนานๆ เอ็นยึดรอบกระดูกสันหลังจะถูกดึงรั้งจนเกิดการอักเสบ ทำให้

      • มีอาการปวดเรื้อรัง
      • รู้สึกขัดๆ หรือเจ็บเวลาลุกนั่ง
      • ในตอนเช้าหลังตื่นนอน มักจะรู้สึกว่าหลังตึงและแข็ง

      มีงานวิจัยสนับสนุนอย่างไรบ้าง?

       งานวิจัยทางด้านกายภาพบำบัดและวิทยาศาสตร์การกีฬายืนยันตรงกันว่า

      ผู้ที่มีอาการปวดหลังเรื้อรังที่ได้เข้าร่วมโปรแกรมฝึกกล้ามเนื้อแกนกลางอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 6–8 สัปดาห์

      • มีระดับความปวดลดลงอย่างชัดเจน
      • ความมั่นคงของลำตัวและการทรงตัวดีขึ้น
      • สามารถกลับมาทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันได้มากขึ้น

      นอกจากนี้ การฝึกกระตุ้นกล้ามเนื้อ Multifidus อย่างเฉพาะเจาะจง ยังช่วยลดอัตราการกลับมาเป็นซ้ำของอาการปวดหลังได้ดีกว่าโปรแกรมการออกกำลังกายทั่วไปอีกด้วย

      ฝึกกล้ามเนื้อแกนกลางไม่ใช่การซิทอัพ! แล้วต้องทำยังไง?

      การฝึกกล้ามเนื้อแกนกลางที่ถูกต้องและปลอดภัยสำหรับผู้ป่วยปวดหลัง ต้องเน้นที่การทำให้

      • ลำตัวนิ่ง (Stability)
      • กระดูกสันหลังอยู่ในแนวที่ถูกต้อง (Neutral Spine)
      • เน้นการควบคุม (Control) มากกว่าการใช้แรงเยอะๆ

      1. Abdominal Bracing (การเกร็งหน้าท้อง)

      เป็นท่าพื้นฐานที่สุดที่ใช้ฝึกการรับรู้และกระตุ้นกล้ามเนื้อแกนกลางก่อนเริ่มโปรแกรมอื่นๆ

      • วิธีทำ: นอนหงาย ชันเข่าขึ้นทั้งสองข้าง หายใจเข้าลึกๆ แล้วหายใจออกพร้อมกับแขม่วท้องหรือเกร็งหน้าท้องลึกๆ ให้รู้สึกเหมือนกำลังรัดเข็มขัดรอบเอวให้แน่น โดยไม่กลั้นหายใจ
      • เป้าหมาย: ค้างไว้ 5–10 วินาที ทำ 10–15 ครั้ง

      2. Dead Bug

      ช่วยฝึกการทำงานประสานกันระหว่างกล้ามเนื้อหน้าท้องลึก (TrA) และกล้ามเนื้อหลัง (Multifidus) ในขณะที่มีการเคลื่อนไหวแขนขา

      • วิธีทำ: นอนหงาย ยกแขนทั้งสองข้างขึ้นตั้งฉากกับพื้น และยกขาขึ้นงอเข่าและสะโพกเป็นมุม 90 องศา จากนั้นค่อยๆ เหยียดแขนขวาไปด้านหลังศีรษะพร้อมกับเหยียดขาซ้ายออกไปด้านหน้าช้าๆ แล้วกลับสู่ท่าเริ่มต้น สลับข้าง
      • ข้อควรระวัง: ต้องคุมหลังส่วนล่างให้แนบติดพื้นตลอดเวลา ไม่ให้หลังแอ่นลอยขึ้นมา
      • เป้าหมาย: ทำข้างละ 10–12 ครั้ง

      3. Bird Dog

      ช่วยฝึกความมั่นคงของกระดูกสันหลังและการทรงตัว

      • วิธีทำ: อยู่ในท่าคลานสี่ขา (มือและเข่ายันพื้น) รักษาระดับหลังให้ตรงขนานกับพื้น ไม่แอ่นหรือโก่ง จากนั้นค่อยๆ ยกแขนขวาเหยียดไปด้านหน้า พร้อมกับยกขาซ้ายเหยียดไปด้านหลัง ให้ลำตัวนิ่งที่สุด
      • ข้อควรระวัง: ลำตัวต้องนิ่ง ไม่ส่ายไปมา สะโพกไม่เอียง
      • เป้าหมาย: ทำ 10 ครั้งต่อข้าง

      4. Bridge

      ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อก้น (Gluteus) และหลังส่วนล่าง พร้อมกับช่วยยืดเหยียดกล้ามเนื้อสะโพกด้านหน้า

      • วิธีทำ: นอนหงาย ชันเข่า เท้าวางราบกับพื้น เกร็งก้นแล้วค่อยๆ ยกสะโพกขึ้นจนลำตัวเป็นเส้นตรงจากไหล่ถึงเข่า
      • ข้อควรระวัง: ไม่ยกสะโพกสูงเกินไปจนหลังแอ่น
      • เป้าหมาย: ทำ 10–12 ครั้ง

      ควรฝึกนานแค่ไหนถึงจะเห็นผล?

      โดยทั่วไปผู้ป่วยจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นตามลำดับดังนี้

      • 2–3 สัปดาห์แรก = ความรู้สึกเมื่อยล้าที่หลังเริ่มลดลง
      • 4–6 สัปดาห์ = รู้สึกว่าหลังมีความมั่นคงขึ้น ทรงตัวได้ดีขึ้น
      • 8 สัปดาห์ขึ้นไป = การใช้งานในชีวิตจริงดีขึ้นอย่างชัดเจน สามารถเดินหรือยืนนานๆ ได้โดย
        ไม่มีอาการปวดหรือล้า
        สิ่งสำคัญที่สุดคือการ "คุมท่าทางให้ถูกต้อง + ทำอย่างสม่ำเสมอ" มากกว่าการทำจำนวนครั้งเยอะๆ หรือทำท่าที่ยากเกินไป

      เมื่อไหร่ควรเข้ารับการปรึกษาและทำกายภาพบำบัด

      คุณควรเข้ารับการตรวจประเมินจากผู้เชี่ยวชาญทันที หากมีอาการดังนี้

      • มีอาการปวดหลังเรื้อรังนานเกิน 3 เดือน
      • มีอาการปวดร้าวลงขา หรือมีอาการชา
      • มีอาการปวดมากตอนลุกขึ้นจากเตียงในตอนเช้า
      • มีอาการเจ็บหลังเวลาไอหรือจาม
      • สังเกตเห็นว่าท่าทางเปลี่ยนไป เช่น หลังเอียง ตัวเบี้ยว หรือหลังแอ่นผิดปกติ
      • ลองฝึกท่าบริหารเองแล้วมีอาการปวดเพิ่มขึ้น

      เพราะอาการเหล่านี้อาจบ่งบอกถึงปัญหากล้ามเนื้อไม่สมดุลอย่างรุนแรง หมอนรองกระดูกเริ่มเสื่อม หรือข้อต่อกระดูกสันหลังอักเสบ ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการปรับโปรแกรมการรักษาเฉพาะบุคคล

      การฝึกกล้ามเนื้อแกนกลางเป็นหัวใจสำคัญของการรักษาและป้องกันอาการปวดหลังเรื้อรัง เพราะช่วยสร้างความมั่นคงให้กับกระดูกสันหลัง ลดแรงกดทับ ลดภาระงานของกล้ามเนื้อหลังส่วนล่าง และช่วยฟื้นฟูท่าทางให้กลับมาเป็นปกติ

      เมื่อกล้ามเนื้อแกนกลางกลับมาทำงานได้อย่างถูกต้องและแข็งแรง อาการปวดเรื้อรังจะค่อยๆ ลดลง และช่วยลดโอกาสการกลับมาเป็นซ้ำได้ในระยะยาว

      หากคุณต้องการฟื้นฟูความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแกนกลางเพื่อลดอาการปวดหลังอย่างถูกวิธีและปลอดภัย ที่ Zenista Clinic คลินิกกายภาพบำบัด เรามีบริการประเมินความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแกนกลาง วิเคราะห์การควบคุมการเคลื่อนไหว และออกแบบโปรแกรมฟื้นฟูสำหรับผู้ที่มีปัญหาปวดหลังเรื้อรังโดยเฉพาะ

      ท่านสามารถเข้ารับบริการได้ที่ Zenista Clinic ซึ่งเราพร้อมให้บริการทั้งที่คลินิกกายภาพบำบัดชลบุรี และคลินิกกายภาพบำบัดเพชรบุรี

      ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือจองคิวได้ที่ Line ID: @zenista

      หลังที่มั่นคง เริ่มต้นจากกล้ามเนื้อแกนกลางที่แข็งแรง

        บริการแนะนำ

        กายภาพบำบัด,กายภาพบำบัด ชลบุรี, กายภาพบำบัด เพชรบุรี

        กายภาพบำบัด

        คลินิกกายภาพบำบัด ชลบุรี เพชรบุรี ZENISTA CLINIC

        รักษาข้อเข่าเสื่อม,รักษาข้อเข่าเสื่อม ชลบุรี, รักษาข้อเข่าเสื่อม เพชรบุรี

        รักษาข้อเข่าเสื่อม

        คลินิกกายภาพบำบัด ชลบุรี เพชรบุรี ZENISTA CLINIC

        รักษาออฟฟิศซินโดรม,รักษาออฟฟิศซินโดรม ชลบุรี, รักษาออฟฟิศซินโดรม เพชรบุรี

        รักษาออฟฟิศซินโดรม

        รักษาออฟฟิศซินโดรม อาการปวดหลังเรื้อรัง