บอกลาอาการปวดคอบ่าไหล่ด้วยการทำกายภาพบำบัด

บอกลาอาการปวดคอบ่าไหล่ด้วยการทำกายภาพบำบัด

อาการปวดคอบ่าไหล่เป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อยมากในคนยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มวัยทำงานที่ต้องนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน หรือผู้ที่ใช้สมาร์ทโฟนและอุปกรณ์เทคโนโลยีต่างๆ ติดต่อกันหลายชั่วโมง อาการเหล่านี้ไม่เพียงแต่สร้างความรู้สึกไม่สบายตัวและรบกวนสมาธิ แต่ยังส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงาน การพักผ่อน และการใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างชัดเจน การรักษาอาการปวดคอบ่าไหล่มีหลายวิธี และหนึ่งในนั้นคือการทำกายภาพบำบัด ซึ่งเป็นการรักษาแบบอนุรักษ์นิยมที่ไม่ใช้ยาเป็นหลัก และได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์แล้วว่าเป็นวิธีที่ให้ผลดีในการจัดการกับกลุ่มอาการเหล่านี้

ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปทำความเข้าใจถึงสาเหตุที่แท้จริงของอาการปวดคอบ่าไหล่ รวมถึงขั้นตอนและวิธีการทำกายภาพบำบัดที่สามารถช่วยบรรเทาและรักษาอาการเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและให้ผลดีในระยะยาว

อาการปวดคอบ่าไหล่คืออะไร

อาการปวดคอบ่าไหล่ (Neck and Shoulder Pain) เป็นกลุ่มอาการที่แสดงออกถึงความรู้สึกไม่สบาย ปวดตึง หรือปวดเมื่อยในบริเวณกล้ามเนื้อและข้อต่อตั้งแต่ช่วงคอ บ่า ลามไปจนถึงหัวไหล่ บางครั้งอาจมีอาการร้าวไปที่แขนหรือสะบักได้ อาการนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย และมีความรุนแรงได้หลายระดับ ตั้งแต่ความรู้สึกตึงๆ ไม่สบายตัวเล็กน้อยไปจนถึงอาการปวดรุนแรงที่จำกัดการเคลื่อนไหวของร่างกายในชีวิตประจำวัน

อาการที่พบบ่อยคือ

  • อาการปวดตึงหรือปวดเมื่อยอย่างต่อเนื่องในบริเวณกล้ามเนื้อคอ บ่า และหัวไหล่ ซึ่งอาจมีลักษณะปวดลึกๆ ปวดเมื่อย หรือปวดเหมือนมีอะไรกดทับ อาการอาจเป็นมากขึ้นเมื่อมีการใช้งาน หรืออยู่ในท่าเดิมนานๆ
  • อาการชา หรือความรู้สึกเจ็บแปล๊บๆ คล้ายเข็มทิ่ม ที่อาจลามจากบริเวณคอหรือบ่าไปยังแขน ข้อศอก หรือปลายนิ้วมือ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการระคายเคืองหรือการกดทับของเส้นประสาท
  • รู้สึกปวดและอ่อนแรงเมื่อพยายามใช้กล้ามเนื้อคอหรือไหล่ในการทำกิจกรรมต่างๆ เช่น การหันคอ การยกแขน การเอื้อมหยิบสิ่งของ หรือแม้แต่การหายใจเข้าลึกๆ ในบางราย

      สาเหตุของอาการปวดคอบ่าไหล่

      อาการปวดคอบ่าไหล่มักเป็นผลมาจากการใช้งานกล้ามเนื้อในท่าทางที่ไม่ถูกต้องเป็นระยะเวลานาน การอยู่ในอิริยาบถเดิมซ้ำๆ หรือการใช้ร่างกายเกินกำลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานในท่าทางที่ไม่เหมาะสม ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณคอ บ่า และไหล่ต้องทำงานหนักและเกร็งตัวอยู่ตลอดเวลา จนเกิดการอักเสบ ความเมื่อยล้า และกลายเป็นอาการปวดในที่สุด

      สาเหตุหลักๆ ของอาการปวดคอบ่าไหล่ คือ

      • ออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) เป็นสาเหตุยอดฮิตในปัจจุบัน เกิดจากการนั่งทำงานในท่าทางที่ไม่ถูกต้องเป็นเวลานานหลายชั่วโมงต่อวัน เช่น การก้มหน้ามองจอคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนเป็นเวลานาน การนั่งหลังค่อม ไหล่ห่อ หรือการวางแขนและข้อมือในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสม ทำให้กล้ามเนื้อคอและบ่าเกิดการตึงตัวสะสม กลายเป็นจุดกดเจ็บ (Trigger Points)
      • การนั่งหรือยืนในท่าทางที่ไม่เหมาะสมเป็นประจำ เช่น การนั่งไขว่ห้างเป็นเวลานาน การยืนพักขาข้างเดียว การสะพายกระเป๋าหนักข้างเดียวเป็นประจำ หรือการยืนหรือเดินโดยหลังค่อม ซึ่งทำให้โครงสร้างร่างกายเสียสมดุลและกล้ามเนื้อบางส่วนต้องทำงานหนักเกินไปเพื่อรักษาสมดุลนั้น
      • การบาดเจ็บจากการเคลื่อนไหวซ้ำๆ (Repetitive Strain Injury - RSI) เกิดจากการทำกิจกรรมเดิมๆ ซ้ำๆ ต่อเนื่องเป็นเวลานาน ไม่ว่าจะเป็นการใช้เมาส์และคีย์บอร์ด การทำงานในโรงงานที่ต้องยกของหรือใช้แขนในท่าเดิม หรือแม้แต่การเล่นดนตรีบางชนิด ซึ่งทำให้เกิดการบาดเจ็บสะสมของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นในระดับเล็กน้อย จนเกิดการอักเสบและปวดในที่สุด
      • สภาวะความเครียด ความเครียดทางจิตใจสามารถส่งผลให้กล้ามเนื้อในร่างกายเกิดการหดเกร็งโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะกล้ามเนื้อบริเวณบ่าและคอ ซึ่งเป็นกลไกตอบสนองของร่างกาย เมื่อเกิดการเกร็งตัวเป็นเวลานานก็จะนำไปสู่อาการปวดตึงและเมื่อยล้าได้

      การทำกายภาพบำบัดคืออะไรและช่วยรักษาได้อย่างไร

      การทำกายภาพบำบัดเป็นกระบวนการรักษาทางการแพทย์แขนงหนึ่งที่ใช้เทคนิควิธีการต่างๆ ทั้งการใช้มือ การออกกำลังกาย และเครื่องมือทางกายภาพบำบัด เพื่อช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพของร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่มีอาการปวดหรือบาดเจ็บทางระบบกล้ามเนื้อและกระดูก การทำกายภาพบำบัดจึงมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการรักษาอาการปวดคอบ่าไหล่ โดยมุ่งเน้นการบรรเทาอาการปวด ลดการอักเสบ คลายกล้ามเนื้อที่ตึงตัว และเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อให้กลับมาทำงานได้อย่างเป็นปกติและมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งให้คำแนะนำในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ

      การประเมินและวิเคราะห์อาการ

      นักกายภาพบำบัดจะเริ่มต้นด้วยการซักประวัติอย่างละเอียดเกี่ยวกับลักษณะอาการ ปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดอาการ รวมถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิตและการทำงาน จากนั้นจะทำการตรวจร่างกายเพื่อประเมินความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ พิสัยการเคลื่อนไหวของคอ บ่า และไหล่ ตรวจสอบท่าทางขณะนั่ง ยืน เดิน และคลำหาจุดกดเจ็บ (Trigger Points) หรือบริเวณที่มีการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อ เพื่อหาสาเหตุของอาการปวดคอบ่าไหล่ และวางแผนการรักษาที่เหมาะสมและตรงจุดสำหรับผู้ป่วยแต่ละราย

      การยืดเหยียดกล้ามเนื้อ (Stretching)

      เทคนิคการยืดเหยียดกล้ามเนื้อที่ถูกต้องและเหมาะสมกับสภาวะของผู้ป่วย จะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นที่เกี่ยวข้องบริเวณคอ บ่า ไหล่ และสะบัก การยืดกล้ามเนื้อที่หดเกร็งหรือตึงตัวเป็นเวลานาน จะช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัว ลดแรงดึงรั้งต่อข้อต่อและเส้นประสาท ส่งผลให้บรรเทาอาการปวดและความตึงได้เป็นอย่างดี ทั้งยังช่วยเพิ่มช่วงการเคลื่อนไหวให้กลับมาเป็นปกติ

      การทำท่าบริหารกล้ามเนื้อเฉพาะจุด (Strengthening exercises)

      หลังจากกล้ามเนื้อที่ตึงตัวได้รับการคลายตัวลงแล้ว การทำท่าบริหารเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงและความทนทานของกล้ามเนื้อให้แข็งแรงและยืดหยุ่นเพียงพอที่จะรองรับการใช้งานในชีวิตประจำวันเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว (Core muscles) กล้ามเนื้อรอบสะบัก (Scapular stabilizers) และกล้ามเนื้อบริเวณคอและบ่า (Deep neck flexors and extensors) เพื่อให้สามารถคงท่าทางที่ดีไว้ได้นานขึ้นและป้องกันการกลับมาบาดเจ็บซ้ำ

      การใช้เครื่องมือทางกายภาพบำบัด (Physical Modalities)

      ในบางกรณี นักกายภาพบำบัดอาจพิจารณาใช้เครื่องมือที่ทันสมัยเพื่อช่วยเสริมการรักษา เช่น อัลตราซาวด์ (Ultrasound Therapy) ซึ่งใช้คลื่นเสียงความถี่สูงช่วยลดการอักเสบและคลายกล้ามเนื้อในชั้นลึก หรือเลเซอร์กำลังสูง (High Power Laser Therapy) ที่มีคุณสมบัติในการช่วยลดปวด ลดการอักเสบ และเร่งกระบวนการซ่อมแซมของเนื้อเยื่อในระดับเซลล์ ทั้งนี้ การเลือกใช้เครื่องมือจะขึ้นอยู่กับความเหมาะสมในแต่ละอาการและดุลยพินิจของนักกายภาพบำบัด

        วิธีการป้องกันอาการปวดคอบ่าไหล่

        แม้ว่าการทำกายภาพบำบัดจะช่วยบรรเทาอาการปวดคอบ่าไหล่ได้ แต่การป้องกันไม่ให้เกิดอาการขึ้นใหม่หรือกลับมาเป็นซ้ำก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน ดังนั้น คุณสามารถป้องกันอาการปวดคอบ่าไหล่ได้ด้วยวิธีง่ายๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น

        • ปรับเปลี่ยนท่านั่งทำงานให้ถูกต้องตามหลักการยศาสตร์ ตรวจสอบว่าจอคอมพิวเตอร์อยู่ในระดับสายตาหรือต่ำกว่าเล็กน้อย ไม่ต้องก้มหรือเงยคอมากเกินไป แป้นพิมพ์และเมาส์อยู่ในตำแหน่งที่แขนและข้อมือผ่อนคลาย ศอกทำมุมประมาณ 90 องศา และนั่งในท่าที่หลังตรง มีพนักพิงรองรับหลังส่วนล่างและสะโพก
        • พักผ่อนและยืดเหยียดร่างกายเป็นระยะ ควรลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานเพื่อเปลี่ยนอิริยาบถและยืดเหยียดกล้ามเนื้อทุกๆ 1-2 ชั่วโมง โดยเน้นการยืดกล้ามเนื้อคอ บ่า ไหล่ และหลังส่วนบน เพื่อลดความตึงเครียดสะสมของกล้ามเนื้อ
        • การออกกำลังกายเสริมสร้างกล้ามเนื้ออย่างสม่ำเสมอ บริหารกล้ามเนื้อคอ บ่า ไหล่ และกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวให้แข็งแรง เพื่อให้สามารถรองรับการใช้งานในชีวิตประจำวันและป้องกันการบาดเจ็บได้ การมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงจะช่วยลดภาระของข้อต่อและเส้นเอ็น

        เมื่อไหร่ควรพบแพทย์หรือนักกายภาพบำบัด

        หากคุณมีอาการปวดคอบ่าไหล่อย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน มีความรุนแรงของอาการปวดมากขึ้น จนรบกวนการนอนหลับหรือการทำกิจวัตรประจำวัน หรือมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น อาการชาที่แขนหรือมือ กล้ามเนื้อแขนอ่อนแรง ปวดร้าวไปที่อื่น หรือปวดศีรษะรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์หรือนักกายภาพบำบัดทันที การได้รับการตรวจประเมินและรักษาอย่างถูกต้องแต่เนิ่นๆ จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอาการที่รุนแรงขึ้นและป้องกันปัญหาเรื้อรังได้

        การทำกายภาพบำบัดมีบทบาทสำคัญในการรักษาและฟื้นฟูอาการปวดคอบ่าไหล่ ไม่เพียงแต่ช่วยบรรเทาอาการปวดในระยะสั้น แต่ยังช่วยปรับปรุงสภาพร่างกายโดยรวมให้กลับมาแข็งแรงและสามารถใช้งานได้อย่างเต็มที่ในชีวิตประจำวัน การรักษาผ่านการทำกายภาพบำบัดเป็นวิธีการที่ไม่ต้องใช้ยาหรือการผ่าตัดเป็นหลัก เป็นการรักษาที่เน้นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ซึ่งเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในระยะยาว

        หากคุณกำลังประสบปัญหาอาการปวดคอบ่าไหล่ โดยเฉพาะจากกลุ่มอาการออฟฟิศซินโดรม และกำลังมองหาวิธีการรักษาที่ได้ผลและมุ่งเน้นการแก้ไขที่ต้นเหตุ Zenista Clinic คลินิกกายภาพบำบัด พร้อมให้บริการเพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดและฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายของคุณ

        ทีมนักกายภาพบำบัดผู้มีประสบการณ์ของเรามีความเชี่ยวชาญในการรักษาอาการปวดคอบ่าไหล่ และพร้อมให้คำปรึกษา ประเมินอาการอย่างละเอียด และออกแบบโปรแกรมการรักษาเฉพาะบุคคล เพื่อดูแลคุณอย่างใกล้ชิด ท่านสามารถเข้ารับบริการได้ที่ Zenista Clinic ซึ่งเราพร้อมให้บริการทั้งที่คลินิกกายภาพบำบัดชลบุรี และคลินิกกายภาพบำบัดเพชรบุรี

        หากสนใจรับบริการ หรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อเราได้ง่ายๆ ผ่าน Line ID: @zenista ทีมงานของเรายินดีให้คำปรึกษาและแนะนำการรักษาที่เหมาะสมกับคุณเสมอ

        อย่าปล่อยให้อาการปวดคอบ่าไหล่รบกวนชีวิตประจำวันของคุณ เริ่มต้นการรักษาที่ต้นเหตุและปลอดภัยด้วยการทำกายภาพบำบัดที่ Zenista Clinic คลินิกกายภาพบำบัด วันนี้

        บริการแนะนำ

        กายภาพบำบัด,กายภาพบำบัด ชลบุรี, กายภาพบำบัด เพชรบุรี

        กายภาพบำบัด

        คลินิกกายภาพบำบัด ชลบุรี เพชรบุรี ZENISTA CLINIC

        รักษาข้อเข่าเสื่อม,รักษาข้อเข่าเสื่อม ชลบุรี, รักษาข้อเข่าเสื่อม เพชรบุรี

        รักษาข้อเข่าเสื่อม

        คลินิกกายภาพบำบัด ชลบุรี เพชรบุรี ZENISTA CLINIC

        รักษาออฟฟิศซินโดรม,รักษาออฟฟิศซินโดรม ชลบุรี, รักษาออฟฟิศซินโดรม เพชรบุรี

        รักษาออฟฟิศซินโดรม

        รักษาออฟฟิศซินโดรม อาการปวดหลังเรื้อรัง