ปวดหลังจากยกของหนัก แค่กล้ามเนื้ออักเสบหรือหมอนรองกระดูกทับเส้น

ปวดหลังจากยกของหนัก แค่กล้ามเนื้ออักเสบหรือหมอนรองกระดูกทับเส้น

การยกของแค่กล่องเดียว แต่กลับรู้สึกปวดหลัง “สะดุ้งแปล๊บ” จนขยับตัวไม่ได้ไปหลายวัน นี่คืออาการยอดฮิตที่พบได้ทั้งในวัยทำงานและคนทั่วไป หลายคนอาจคิดว่าเป็นเพียงอาการกล้ามเนื้ออักเสบ เดี๋ยวพักก็คงหาย แต่ในบางครั้งอาการปวดหลังในลักษณะนี้อาจไม่ธรรมดา เพราะอาจมีภาวะ “หมอนรองกระดูกเคลื่อนไปกดทับเส้นประสาท” อยู่เบื้องหลัง ซึ่งเป็นหนึ่งในภาวะที่อันตรายกว่าที่คิด

นักกายภาพบำบัดมักจะดูจากลักษณะของอาการ การขยับตัว และท่าทางที่กระตุ้นให้เกิดอาการ เพื่อช่วยแยกแยะให้ได้ว่าอาการปวดหลังนั้นเป็นเพียงการอักเสบของกล้ามเนื้อทั่วไป หรือมีภาวะที่ซับซ้อนกว่านั้น

    ทำไมถึงปวดหลังหลังการยกของหนัก?

    เวลาที่เราก้มตัวแล้วยกของหนัก ร่างกายจะต้องใช้แรงจากหลายส่วนทำงานประสานกัน ทั้งกล้ามเนื้อขา กล้ามเนื้อหลัง และกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว (Core Muscles) เพื่อช่วยพยุงกระดูกสันหลังให้นิ่งและมั่นคง แต่หากเราใช้ท่าทางที่ผิด เช่น การก้มหลังตรงๆ โดยไม่งอเข่า หรือมีการบิดตัวขณะยกของ แรงทั้งหมดจะถูกส่งผ่านไปที่ “หมอนรองกระดูกสันหลัง” และ “กล้ามเนื้อหลังส่วนล่าง” มากเกินไป

    ผลที่ตามมาหลักๆ มีได้สองแบบ

    • กล้ามเนื้อหรือเส้นเอ็นอักเสบ (Muscle Strain / Ligament Sprain) ซึ่งจะทำให้รู้สึกเจ็บเฉพาะจุดที่กล้ามเนื้อหรือเส้นเอ็นนั้นๆ เพราะเกิดการยืดหรือฉีกขาดในระดับเล็กน้อย
    • หมอนรองกระดูกเคลื่อนหรือปลิ้น (Disc Bulge / Herniation) คือภาวะที่หมอนรองกระดูกที่อยู่ระหว่างข้อกระดูกสันหลังเกิดการบวมหรือเคลื่อนตัวไปด้านหลัง และอาจไปกดเบียดเส้นประสาทที่อยู่ใกล้เคียง ทำให้เกิดอาการปวดร้าวลงขาได้

        แล้ว “ปวดหลังแบบไหนถึงอันตราย”

        อาการปวดหลังจากการยกของมีได้หลายระดับ ลองเปรียบเทียบลักษณะอาการดังต่อไปนี้ครับ

        ถ้าเป็นเพียงกล้ามเนื้ออักเสบ

        • อาการปวดจะอยู่เฉพาะที่บริเวณหลังส่วนล่าง หรือบริเวณที่บาดเจ็บ ไม่ร้าวลงขา
        • มักจะรู้สึกปวดตึงมากขึ้นเวลาเอี้ยวตัวหรือก้มตัว แต่เมื่อได้นอนพักในท่าที่สบายอาการจะดีขึ้น
        • ไม่มีอาการชา หรืออาการอ่อนแรงของขา ซึ่งเป็นอาการที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาท
        • ส่วนใหญ่อาการมักจะค่อยๆ ดีขึ้นภายใน 3–7 วัน

        ถ้ามีความเสี่ยงเป็นหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท

        • มีอาการปวดหลังส่วนล่างร่วมกับมีอาการปวดร้าวลงไปที่ก้น ต้นขาด้านหลัง น่อง หรือปลายเท้า
        • อาจมีอาการชา รู้สึกเหน็บ หรืออาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อขาร่วมด้วย
        • อาการปวดมักจะเป็นมากขึ้นอย่างชัดเจนเมื่อมีการเพิ่มแรงดันในช่องท้อง เช่น การไอ การจาม หรือการก้มตัว
        • อาการมักไม่ดีขึ้นแม้จะพักผ่อนแล้ว 1–2 สัปดาห์ หรืออาจมีอาการแย่ลงเรื่อยๆ
        • หากมีอาการรุนแรง เช่น ไม่สามารถควบคุมการขับถ่ายปัสสาวะหรืออุจจาระได้ ถือเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องรีบพบแพทย์ทันที

        ทำไมหมอนรองกระดูกถึงทับเส้นประสาทได้

        หมอนรองกระดูกสันหลังทำหน้าที่เปรียบเสมือน “โช้กอัพ” คอยรับแรงกระแทกระหว่างข้อกระดูกสันหลังแต่ละข้อ หากหมอนรองกระดูกต้องรับแรงกดทับที่มากเกินไปอย่างกะทันหัน (เช่น จากการยกของหนักผิดท่า) เนื้อเยื่อคล้ายเจลที่อยู่ด้านในหมอนรองกระดูกอาจจะเคลื่อนตัวทะลุแนวป้องกันด้านนอกออกมาทางด้านหลัง และไปกดทับรากประสาทที่วิ่งออกมาจากไขสันหลัง ซึ่งเป็นเส้นประสาทที่เชื่อมต่อไปยังขา มักเกิดบ่อยบริเวณกระดูกสันหลังส่วนล่าง (L4–L5 หรือ L5–S1)

        เมื่อเส้นประสาทถูกกดทับ จะมีอาการ “ปวดร้าว” ตามแนวที่เส้นประสาทนั้นไปเลี้ยง เช่น

        • ร้าวลงมาที่หน้าขา มักเกิดจากการกดทับเส้นประสาทระดับ L4
        • ร้าวลงมาที่ขาด้านข้างจนถึงนิ้วโป้งเท้า มักเกิดจากการกดทับเส้นประสาทระดับ L5
        • ร้าวลงมาที่น่องด้านหลังจนถึงฝ่าเท้า มักเกิดจากการกดทับเส้นประสาทระดับ S1

        วิธีดูแลเบื้องต้นแบบที่นักกายภาพบำบัดแนะนำ

        • การพักอย่างมีหลักการ
          ควรหลีกเลี่ยงท่าทางที่กระตุ้นอาการ เช่น การก้มตัวและการบิดหลัง แต่ไม่ควรนอนนิ่งๆ ติดเตียงตลอดเวลา ควรพยายามขยับร่างกายเบาๆ เท่าที่ไม่เจ็บ เพื่อให้เลือดไหลเวียนและป้องกันกล้ามเนื้ออ่อนแรง
        • ใน 48 ชั่วโมงแรก ควรใช้ความเย็น
          หากเป็นอาการปวดเฉียบพลันหลังการยกของ ควรใช้การประคบเย็นด้วยเจลเย็นหรือน้ำแข็งห่อผ้าประมาณ 10–15 นาที ในบริเวณที่ปวด ทุกๆ 2-3 ชั่วโมง เพื่อช่วยลดการอักเสบและอาการบวม
        • หลังจากนั้น ควรใช้ความร้อนเพื่อคลายกล้ามเนื้อ
          เมื่ออาการปวดแปล๊บๆ ลดลงแล้ว (เช่น หลัง 48 ชั่วโมง) การประคบร้อนประมาณ 15–20 นาที จะช่วยให้กล้ามเนื้อที่ตึงเกร็งคลายตัวและเพิ่มการไหลเวียนของเลือด จากนั้นจึงค่อยๆ เริ่มยืดกล้ามเนื้อเบาๆ
        • การฝึกท่าที่ช่วยลดแรงกดทับหมอนรองกระดูก
          เช่น ท่าแม็คเคนซี (McKenzie Press-up) โดยการนอนคว่ำ แล้วค่อยๆ ใช้แขนดันลำตัวส่วนบนขึ้น ให้หลังโค้งแอ่นเล็กน้อย (เท่าที่ไม่เจ็บ) ค้างไว้ 5–10 วินาที ทำวันละ 5–10 ครั้ง เพื่อช่วยเปิดช่องว่างระหว่างข้อกระดูกสันหลังและลดแรงกดที่เส้นประสาท
        • การเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว (Core Strengthening)
          หลังจากที่อาการปวดเฉียบพลันผ่านไปแล้ว ควรเริ่มฝึกท่าออกกำลังกายเบาๆ เพื่อให้กล้ามเนื้อที่ช่วยพยุงหลังกลับมาทำงานได้ดีขึ้น เช่น ท่า Bridge, ท่า Dead bug, หรือท่า Bird dog
        • การฝึกท่ายกของที่ถูกต้องให้เป็นนิสัย
          ควรย่อตัวลงโดยการ “งอเข่า และให้หลังตรง” ดึงของที่จะยกให้ชิดลำตัว แล้วค่อยๆ ใช้แรงจากขาในการยืนขึ้น และห้ามบิดตัวขณะที่กำลังยกของ

        สัญญาณที่ควรพบผู้เชี่ยวชาญทันที

        • มีอาการปวดร้าวลงขาอย่างชัดเจน ร่วมกับอาการชา หรือกล้ามเนื้ออ่อนแรง
        • มีอาการปวดมากจนไม่สามารถลุกขึ้นยืนหรือเดินได้ลำบาก
        • มีไข้ น้ำหนักลด หรือปวดมากในเวลากลางคืนโดยไม่สัมพันธ์กับท่าทาง
        • อาการปวดไม่ดีขึ้นเลยภายใน 1–2 สัปดาห์ แม้จะดูแลตนเองเบื้องต้นแล้ว

        หากมีอาการเหล่านี้ ควรเข้ารับการตรวจประเมินอย่างละเอียดจากแพทย์หรือนักกายภาพบำบัด ซึ่งอาจจำเป็นต้องมีการตรวจเพิ่มเติม เช่น การทำ MRI เพื่อดูว่ามีการกดทับเส้นประสาทจริงหรือไม่ และรุนแรงเพียงใด

        แนวทางการฟื้นฟูตามลำดับระยะ

        • ระยะเฉียบพลัน (0–3 วัน) เน้นการลดอาการปวดและการอักเสบ การประคบเย็น และการพักในท่าที่เหมาะสม
        • ระยะฟื้นตัว (3–14 วัน) เริ่มขยับร่างกายเบาๆ และยืดกล้ามเนื้อหลังและสะโพกอย่างนุ่มนวล
        • ระยะเสริมสร้างความแข็งแรง (2–6 สัปดาห์) เน้นการฝึกกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวและหลังส่วนล่างให้แข็งแรง
        • ระยะป้องกัน (หลัง 6 สัปดาห์) เน้นการฝึกท่านั่ง ท่ายืน และท่ายกของที่ถูกต้อง รวมถึงการปรับเปลี่ยนท่าทางในการทำงานให้เหมาะสม

        การป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำ

        • ออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2–3 ครั้ง
        • หลีกเลี่ยงการยกของหนักในท่าก้มหลังหรือบิดตัว
        • หากจำเป็นต้องยกของหนักเป็นประจำ ควรยืดกล้ามเนื้อหลังและขาทุกวัน
        • รักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน เพื่อลดแรงกดที่กระทำต่อหมอนรองกระดูก

        ที่ Zenista Clinic คลินิกกายภาพบำบัด เรามีทีมนักกายภาพบำบัดที่เชี่ยวชาญด้านอาการปวดหลังและภาวะหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท พร้อมที่จะทำการตรวจประเมินระบบกล้ามเนื้อและข้อต่อของคุณอย่างละเอียด และวางแผนการฟื้นฟูที่เหมาะสมเฉพาะบุคคล เพื่อให้คุณกลับมาเคลื่อนไหวได้อย่างมั่นใจอีกครั้ง ท่านสามารถเข้ารับบริการได้ที่ Zenista Clinic ซึ่งเราพร้อมให้บริการทั้งที่คลินิกกายภาพบำบัดชลบุรี และคลินิกกายภาพบำบัดเพชรบุรี

        ปรึกษาและจองคิวได้ที่ Line ID: @zenista

        การฟื้นฟูหลังให้กลับมาแข็งแรงอย่างถูกวิธีเป็นสิ่งสำคัญ เพราะการ “ปวดหลัง” ไม่ควรเป็นเรื่องที่รบกวนชีวิตประจำวันของคุณ

        บริการแนะนำ

        กายภาพบำบัด,กายภาพบำบัด ชลบุรี, กายภาพบำบัด เพชรบุรี

        กายภาพบำบัด

        คลินิกกายภาพบำบัด ชลบุรี เพชรบุรี ZENISTA CLINIC

        รักษาข้อเข่าเสื่อม,รักษาข้อเข่าเสื่อม ชลบุรี, รักษาข้อเข่าเสื่อม เพชรบุรี

        รักษาข้อเข่าเสื่อม

        คลินิกกายภาพบำบัด ชลบุรี เพชรบุรี ZENISTA CLINIC

        รักษาออฟฟิศซินโดรม,รักษาออฟฟิศซินโดรม ชลบุรี, รักษาออฟฟิศซินโดรม เพชรบุรี

        รักษาออฟฟิศซินโดรม

        รักษาออฟฟิศซินโดรม อาการปวดหลังเรื้อรัง