
อาการปวดเข่าเรื้อรังเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้คนจำนวนมาก ไม่เพียงแต่จำกัดการเคลื่อนไหว แต่ยังรบกวนการทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันอีกด้วย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุหรือผู้ที่ใช้งานข้อเข่าหนัก เช่น ผู้ที่ต้องยืนหรือเดินเป็นเวลานาน นักกีฬา หรือผู้ที่มีประวัติการบาดเจ็บข้อเข่ามาก่อน ซึ่งสาเหตุหลักที่พบบ่อยมักเกิดจาก โรคข้อเข่าเสื่อม (Osteoarthritis) ซึ่งเป็นภาวะที่กระดูกอ่อนในข้อเข่าค่อยๆ สึกกร่อนลง ทำให้ผิวข้อไม่เรียบ เกิดการเสียดสีกันโดยตรง ส่งผลให้มีอาการเจ็บปวด บวม และเคลื่อนไหวข้อเข่าได้ลำบาก
เมื่ออาการปวดเข่าเริ่มรบกวนชีวิตประจำวัน ผู้ป่วยหลายรายอาจมีความกังวลว่า “จำเป็นต้องผ่าตัดหรือไม่?” แต่ความจริงคือ ในหลายกรณี โดยเฉพาะเมื่อข้อเข่าเสื่อมยังไม่รุนแรงมากนัก ยังมีทางเลือกการรักษาอื่นๆ ที่สามารถช่วยบรรเทาอาการและฟื้นฟูการทำงานของข้อเข่าได้โดยไม่ต้องผ่าตัด และหนึ่งในนั้นคือ การฉีดน้ำเลี้ยงข้อเข่า
แนวทางการรักษาแบบไม่ผ่าตัด มีอะไรบ้าง?
การรักษาอาการปวดเข่าจากข้อเข่าเสื่อมโดยไม่ต้องผ่าตัด มีหลากหลายวิธีที่แพทย์และนักกายภาพบำบัดอาจพิจารณาเลือกใช้ร่วมกัน เพื่อให้เหมาะสมกับสภาวะของผู้ป่วยแต่ละราย เช่น
- การรับประทานยาลดปวดและยาต้านการอักเสบ (NSAIDs) เพื่อช่วยควบคุมอาการปวดและการอักเสบในระยะเฉียบพลันหรือเมื่อมีอาการกำเริบ ภายใต้คำแนะนำของแพทย์
- การทำกายภาพบำบัด เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อรอบข้อเข่า ปรับปรุงการเคลื่อนไหว และเรียนรู้การใช้งานข้อเข่าอย่างถูกต้อง
- การควบคุมน้ำหนักตัว ให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม เพื่อลดแรงกดที่กระทำต่อข้อเข่าโดยตรง
- การใช้อุปกรณ์ช่วยพยุงเข่า เช่น ผ้ารัดเข่า (Knee support) หรือไม้เท้า เพื่อช่วยลดภาระของข้อเข่าในขณะยืนหรือเดิน
- การฉีดน้ำเลี้ยงข้อเข่า (Hyaluronic Acid Injections) หรือ Viscosupplementation ซึ่งเป็นวิธีการรักษาที่ได้รับความสนใจอย่างมากในช่วงหลัง เพราะสามารถช่วยลดอาการปวดเข่าได้โดยไม่ต้องผ่าตัด และส่วนใหญ่ใช้เวลาพักฟื้นน้อย
การฉีดน้ำเลี้ยงข้อเข่าคืออะไร?
น้ำเลี้ยงข้อเข่า หรือสารไฮยาลูรอนิกแอซิด (Hyaluronic Acid หรือ HA) เป็นสารประกอบตามธรรมชาติที่ร่างกายสร้างขึ้นและพบได้ในปริมาณสูงภายในข้อต่อต่างๆ รวมถึงข้อเข่า มีลักษณะเป็นของเหลวหนืด ทำหน้าที่สำคัญในการหล่อลื่นผิวข้อ ลดแรงเสียดทาน และช่วยดูดซับแรงกระแทกระหว่างการเคลื่อนไหวของผิวข้อกระดูกอ่อน แต่เมื่อเกิดภาวะข้อเข่าเสื่อม ปริมาณและคุณภาพของน้ำเลี้ยงข้อเข่าตามธรรมชาติจะลดลง ความหนืดน้อยลง ทำให้ข้อเข่าเหมือนขาดสารหล่อลื่น ข้อจึงแห้งและผิวข้อเกิดการเสียดสีกันมากขึ้นจนเกิดอาการเจ็บปวดและอักเสบตามมา
การฉีดน้ำเลี้ยงข้อเข่า (HA) เข้าไปในโพรงข้อเข่าโดยตรง จึงเปรียบเสมือนการเติมสารหล่อลื่นและสารกันกระแทกที่มีคุณภาพกลับเข้าไปในข้อเข่าที่แห้งและเสื่อมสภาพ ช่วยให้ข้อเข่าเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น ลดการเสียดสีของผิวข้อ และสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดได้ในผู้ป่วยจำนวนไม่น้อย
ใครบ้างที่เหมาะกับการฉีดน้ำเลี้ยงข้อเข่า?
การฉีดน้ำเลี้ยงข้อเข่ามักเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยบางกลุ่ม โดยมีข้อบ่งชี้หลักๆ ดังนี้
- ผู้ที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อมในระดับเริ่มต้นถึงปานกลาง (โดยทั่วไปคือ เกรด I–III ตามการประเมินจากภาพถ่ายรังสีและอาการทางคลินิก)
- ผู้ที่รักษาด้วยวิธีอนุรักษ์นิยมอื่นๆ แล้วอาการยังไม่ดีขึ้นเท่าที่ควร เช่น การรับประทานยา การทำกายภาพบำบัด หรือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแล้วยังคงมีอาการปวดเข่ารบกวน
- ผู้ที่ยังไม่พร้อมหรือไม่เหมาะสมสำหรับการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่า ไม่ว่าจะเป็นด้วยเหตุผลส่วนตัว หรือมีข้อจำกัดทางสุขภาพอื่นๆ ที่ทำให้การผ่าตัดมีความเสี่ยงสูง
- ผู้ที่ไม่มีข้อห้ามในการฉีด เช่น ไม่มีการติดเชื้อในข้อเข่าหรือผิวหนังบริเวณที่จะฉีด และไม่มีประวัติการแพ้สารไฮยาลูรอนิกแอซิดที่ใช้ฉีด
คำแนะนำที่สำคัญ
ผู้ป่วยทุกรายควรได้รับการตรวจประเมินอย่างละเอียดจากแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนเสมอ เพื่อพิจารณาความเหมาะสม วางแผนการรักษา และรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับประโยชน์และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างถูกต้อง
ประสิทธิภาพของการฉีดน้ำเลี้ยงข้อเข่า มีงานวิจัยทางการแพทย์และบทสรุปจากองค์กรที่น่าเชื่อถือหลายฉบับที่สนับสนุนว่า การฉีดน้ำเลี้ยงข้อเข่า (HA) มีผลช่วยบรรเทาอาการปวด และเพิ่มความสามารถในการใช้งานของข้อเข่าในผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อมที่ไม่ต้องการผ่าตัด โดยทั่วไปพบว่าสามารถลดอาการปวดได้ในระยะเวลาประมาณ 3–6 เดือน และในผู้ป่วยบางรายอาจช่วยบรรเทาอาการได้นานถึง 1 ปี ซึ่งช่วยให้ผู้ป่วยสามารถเคลื่อนไหวและทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันได้ดีขึ้น
นอกจากนี้ การฉีดน้ำเลี้ยงข้อเข่ายังอาจช่วยลดการใช้ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs ซึ่งมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงต่อระบบทางเดินอาหารและไตหากใช้เป็นเวลานาน รายงานจาก American College of Rheumatology (ACR) ในปี 2013 ได้ระบุว่า การฉีด HA สามารถลดอาการปวดในผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อมระดับปานกลางได้อย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม และมีประสิทธิภาพในการลดปวดใกล้เคียงกับยากลุ่มต้านการอักเสบบางชนิด
ที่สำคัญไปกว่านั้น งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Orthopaedic Surgery and Research ในปี 2020 ยังแสดงให้เห็นว่า การฉีดน้ำเลี้ยงข้อเข่าสามารถช่วยชะลอความจำเป็นในการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าในผู้ป่วยอายุระหว่าง 50–70 ปี และมีผลลดความเจ็บปวดในชีวิตประจำวันได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากได้รับการฉีดอย่างต่อเนื่องตามแผนการรักษาของแพทย์ (เช่น 3–5 ครั้ง ห่างกันครั้งละ 1 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับชนิดของ HA ที่ใช้)
ดูแลตัวเองอย่างไรหลังฉีดน้ำเลี้ยงข้อเข่า?
เพื่อให้การฉีดน้ำเลี้ยงข้อเข่าได้ผลดีและลดโอกาสเกิดผลข้างเคียง ผู้ป่วยควรปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเหมาะสม ซึ่งโดยทั่วไปมีข้อควรปฏิบัติดังนี้
- หลีกเลี่ยงการใช้งานข้อเข่าหนักๆ ในช่วง 48 ชั่วโมงแรกหลังการฉีด เช่น การวิ่ง การกระโดด การยกของหนัก หรือการยืนนานๆ เพื่อให้สารที่ฉีดเข้าไปได้กระจายตัวและข้อเข่าได้พักผ่อน
- ทำกายภาพบำบัดอย่างสม่ำเสมอ ตามคำแนะนำของแพทย์หรือนักกายภาพบำบัด เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบข้อเข่า เพิ่มความยืดหยุ่น และปรับปรุงการทรงตัว
- รักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม เพื่อลดแรงกดที่กระทำต่อข้อเข่าในระยะยาว
- สังเกตอาการผิดปกติที่อาจเกิดขึ้น เช่น อาการบวม แดง ร้อน ที่ข้อเข่ามากขึ้น หรือมีไข้ หากพบอาการเหล่านี้ควรรีบแจ้งแพทย์ทันที
การฉีดน้ำเลี้ยงข้อเข่าเป็นทางเลือกการรักษาที่มีประสิทธิภาพและค่อนข้างปลอดภัยสำหรับผู้ที่มีภาวะข้อเข่าเสื่อมในระดับที่ไม่รุนแรงมากนัก สามารถช่วยบรรเทาอาการปวด เพิ่มความสามารถในการเคลื่อนไหว และอาจช่วยเลื่อนการผ่าตัดออกไปได้ในหลายกรณี หากคุณหรือคนใกล้ตัวกำลังเผชิญกับอาการปวดเข่าเรื้อรัง อย่ารอให้อาการลุกลามจนรบกวนการใช้ชีวิต รีบปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อวางแผนการดูแลที่เหมาะสมกับคุณที่สุด
ที่ Zenista Clinic คลินิกกายภาพบำบัด เราพร้อมให้การดูแลคุณแบบองค์รวม ด้วยทีมแพทย์ผู้มีประสบการณ์และนักกายภาพบำบัดที่เชี่ยวชาญในการประเมินและรักษาอาการปวดเข่าจากหลากหลายสาเหตุ รวมถึงการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการฉีดน้ำเลี้ยงข้อเข่าและการทำกายภาพบำบัดเพื่อฟื้นฟูข้อเข่าของคุณ ท่านสามารถเข้ารับบริการได้ที่ Zenista Clinic ซึ่งเราพร้อมให้บริการทั้งที่คลินิกกายภาพบำบัดชลบุรี และคลินิกกายภาพบำบัดเพชรบุรี
สอบถามเพิ่มเติมหรือจองคิวได้ที่ Line ID: @zenista ให้เราได้ดูแลสุขภาพข้อเข่าของคุณ เพื่อให้คุณกลับมาเคลื่อนไหวได้อย่างมั่นใจอีกครั้ง