ภาวะออฟฟิศซินโดรมจากการใช้สมาร์ตโฟนมากเกินไป ผลกระทบต่อคอ ไหล่ และหลัง

ภาวะออฟฟิศซินโดรมจากการใช้สมาร์ตโฟนมากเกินไป ผลกระทบต่อคอ ไหล่ และหลัง

ทุกวันนี้เราไม่จำเป็นต้องนั่งทำงานในออฟฟิศก็สามารถ “เป็นออฟฟิศซินโดรม” ได้ เพราะสมาร์ทโฟนได้กลายเป็นออฟฟิศขนาดพกพาที่เราใช้งานแทบทั้งวัน ไม่ว่าจะแชท ตอบงาน ดูข่าวสาร หรือแม้แต่การเล่นโซเชียลมีเดียก่อนนอน แต่รู้หรือไม่ว่า ท่าทางการก้มหน้ามองจอเพียง 15–30 องศา เป็นเวลานานๆ อาจเพิ่มแรงกดบนกระดูกคอได้มากกว่าเท่าตัวของน้ำหนักศีรษะปกติ และเมื่อเราทำพฤติกรรมนี้ซ้ำๆ ทุกวัน ร่างกายจะเริ่ม “เปลี่ยนโครงสร้าง” ทีละน้อย จนเกิดอาการปวดเรื้อรังที่หลายคนเรียกรวมๆ ว่า “ออฟฟิศซินโดรมจากมือถือ” หรือที่ในวงการแพทย์เรียกว่า Text Neck Syndrome

    ผลกระทบต่อร่างกายเมื่อใช้สมาร์ทโฟนนานเกินไป

    การก้มหน้าเล่นมือถือเป็นเวลานานส่งผลเสียต่อโครงสร้างร่างกายหลายส่วน โดยเฉพาะบริเวณคอ บ่า และไหล่ ดังนี้

    1. ภาวะคอยื่น ไหล่ห่อ และกล้ามเนื้อคอทำงานผิดสมดุล

    ในท่าก้มมองจอ ศีรษะจะเอนไปข้างหน้า (Forward Head Posture) ทำให้เกิดความไม่สมดุลของกล้ามเนื้อ

    • กล้ามเนื้อด้านหน้า เช่น Sternocleidomastoid และ Pectoralis Minor จะเกิดการหดสั้นลง ทำให้ไหล่ถูกดึงมาด้านหน้า
    • กล้ามเนื้อด้านหลัง เช่น Levator Scapulae และ Upper Trapezius ต้องทำงานหนักโดยการหดเกร็งค้างไว้เพื่อพยุงศีรษะที่หนักถึง 4–5 กิโลกรัมไม่ให้ตกลงมา

     เมื่อกล้ามเนื้อต้องทำงานหนักในท่าทางที่ผิดธรรมชาตินี้ซ้ำๆ ทุกวัน จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการปวดตื้อๆ ที่ต้นคอ บ่า และสะบักเรื้อรัง

    2. แรงกดต่อหมอนรองกระดูกคอเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล

    ในท่าปกติที่ศีรษะตั้งตรง คอจะรับน้ำหนักประมาณ 5 กิโลกรัม แต่ในท่าก้ม 45 องศาเพื่อมองจอ แรงกดบนหมอนรองกระดูกคอจะเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 22 กิโลกรัม หรือเทียบเท่ากับการแบกเด็กเล็กๆ ไว้บนคอตลอดเวลา

    หากทำเป็นเวลานาน หมอนรองกระดูกคออาจเกิดการเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ หรือในกรณีร้ายแรงอาจเกิดการกดทับเส้นประสาทจนมีอาการปวดร้าวลงแขนได้

    3. กล้ามเนื้อสะบักอ่อนแรงและเสียสมดุล

    เวลาที่เราพิมพ์ข้อความหรือตอบไลน์ มือและแขนจะถูกยกมาอยู่ข้างหน้าเป็นเวลานาน ทำให้กล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่ควบคุมสะบักด้านหลัง เช่น Serratus Anterior และ Lower Trapezius ไม่ได้ถูกใช้งานอย่างเต็มที่

    ผลที่ตามมาคือสะบักอาจลอยขึ้น หรืออยู่ในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสม นำไปสู่ภาวะไหล่ติดและอาการปวดสะบักเรื้อรังได้

    4. ระบบประสาทอัตโนมัติถูกรบกวนจากความตึงตัวของกล้ามเนื้อคอ

    ในผู้ที่ใช้มือถือก่อนนอนเป็นประจำ มักพบว่ามีอาการปวดคอร่วมกับอาการนอนไม่หลับหรือปวดหัวตื้อๆ สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากกล้ามเนื้อคอฐานกะโหลกที่ตึงตัวมากเกินไป อาจไปกระตุ้นเส้นประสาท Occipital Nerve และส่งผลให้ระบบประสาทมีความตื่นตัว ทำให้นอนหลับได้ยากขึ้น

    สัญญาณเตือนว่า “มือถือ” กำลังทำร้ายคุณ

    หากคุณเริ่มมีอาการเหล่านี้ แสดงว่าร่างกายกำลังส่งสัญญาณเตือนถึงภาวะ Muscle Imbalance และ Nerve Tension ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของออฟฟิศซินโดรมในยุคสมาร์ทโฟน

    • ปวดตื้อๆ ที่ต้นคอ สะบัก หรือท้ายทอย เป็นประจำ
    • ปวดหัวบ่อยโดยไม่ทราบสาเหตุ โดยเฉพาะช่วงบ่ายหรือเย็น
    • มีอาการชาที่ปลายมือหรือปลายนิ้ว โดยเฉพาะนิ้วโป้งและนิ้วชี้
    • ยกไหล่แล้วมีเสียงดังกร๊อบ” หรือรู้สึกเหมือนสะบักขยับฝืดๆ ไม่คล่องตัว
    • ปวดหลังส่วนบนเวลานั่งเล่นมือถือหรือขับรถนานๆ

    แนวทางกายภาพบำบัดเพื่อแก้ไขและป้องกัน

    1. รีเซ็ตท่าทางคอ ไหล่ และสะบัก

     นักกายภาพบำบัดจะช่วยประเมินแนวกระดูกคอและสะบักว่ามีการยื่นหรือบิดผิดตำแหน่งหรือไม่ แล้วใช้เทคนิคเฉพาะในการรักษา เช่น

    • Manual Therapy เพื่อคลายจุดตึง (Trigger Points) ในกล้ามเนื้อคอและบ่า
    • Joint Mobilization เพื่อขยับข้อต่อคอและสะบักให้กลับมาเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น
    • การใช้เครื่องมือ PMS (Peripheral Magnetic Stimulation) เพื่อกระตุ้นกล้ามเนื้อที่อ่อนแรงให้กลับมาทำงานได้มีประสิทธิภาพอีกครั้ง

    2. ฝึกกล้ามเนื้อที่ช่วยพยุงท่าทาง (Postural Training)

    การออกกำลังกายเสริมกล้ามเนื้อเฉพาะจุดจะช่วยให้คอและไหล่กลับมาอยู่ในสมดุลที่ถูกต้อง

    • Chin tuck เก็บคางเบาๆ ให้คออยู่แนวตรง ค้างไว้ 5 วินาที ทำ 10 ครั้ง เพื่อบริหารกล้ามเนื้อคอส่วนลึก
    • Scapular retraction ดึงสะบักเข้าหากันเบาๆ โดยไม่ยกไหล่ ค้างไว้ 5 วินาที ทำ 10 ครั้ง เพื่อแก้ไหล่ห่อ
    • Wall angel ยืนพิงผนัง กางแขนออกแล้วเหยียดแขนขึ้นลงโดยให้หลังและศอกแตะผนังตลอดเวลา
    • Diaphragmatic breathing ฝึกหายใจเข้าลึกๆ ผ่านจมูกให้ท้องป่อง และผ่อนลมออกยาวๆ เพื่อช่วยคลายความตึงตัวของกล้ามเนื้อคอที่ใช้ในการหายใจ

    3. ปรับพฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนให้ถูกหลัก

    • ยกมือถือให้อยู่ในระดับสายตา เพื่อลดการก้มคอ
    • พิมพ์ด้วยสองมือแทนการใช้นิ้วเดียว เพื่อลดภาระของเส้นเอ็นนิ้วโป้ง
    • ตั้งเวลา “พักคอ” ทุกๆ 20–30 นาที เพื่อเปลี่ยนอิริยาบถ
    • ก่อนนอนควรพักสายตาและงดเล่นมือถืออย่างน้อย 30 นาที และไม่ควรเล่นมือถือในท่านอนตะแคงเพราะจะทำให้คอบิดเกร็ง

    เคสที่พบบ่อยในคลินิก

    หลายคนมาปรึกษาด้วยอาการ “ปวดสะบักข้างเดียว” หรือ “ปวดท้ายทอยเวลาจ้องจอ” หลังจากการตรวจประเมินมักพบว่าเกิดจากการใช้มือถือด้วยมือข้างเดิมนานเกินไป ทำให้สะบักฝั่งนั้นเกิดการหมุนเข้าด้านใน (Scapular Protraction) และกล้ามเนื้อคอด้านเดียวกันต้องเกร็งตัวพยุงศีรษะตลอดเวลา เมื่อได้รับการปรับท่าทางร่วมกับการทำกายภาพบำบัดเฉพาะจุดเพียง 3–4 ครั้ง อาการมักจะดีขึ้นอย่างชัดเจน

    เมื่อไหร่ควรรีบพบผู้เชี่ยวชาญ

    • ปวดคอหรือหลังส่วนบนมากจนรบกวนการนอนหลับ
    • มีอาการปวดร้าวลงแขน หรือมีอาการชานิ้วมือร่วมด้วย
    • เคลื่อนไหวคอได้ไม่สุด หรือมีเสียง “คลิ๊ก” ดังทุกครั้งที่ขยับคอ
    • ปวดหัวบ่อยร่วมกับมีอาการคอแข็งเกร็ง

    หากมีอาการเหล่านี้อาจบ่งชี้ถึงภาวะหมอนรองกระดูกคอเสื่อม หรือเส้นประสาทถูกกดทับ ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการประเมินโดยนักกายภาพบำบัดหรือแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูอย่างละเอียด

    ออฟฟิศซินโดรมจากสมาร์ทโฟน” ไม่ได้เกิดจากการทำงานในออฟฟิศเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากท่าทางซ้ำๆ ที่เราใช้ในชีวิตประจำวันโดยไม่รู้ตัว การปรับท่าทางของคอ ไหล่ และหลัง ให้ถูกต้อง รวมถึงการฝึกกล้ามเนื้อเพื่อช่วยพยุงท่าทางอย่างสม่ำเสมอ คือกุญแจสำคัญในการป้องกันและลดอาการปวดเรื้อรังในยุคดิจิทัลได้อย่างยั่งยืน

    หากคุณต้องการฟื้นฟูอาการปวดคอ ไหล่ และหลัง จากการใช้สมาร์ทโฟน ด้วยการดูแลจากผู้เชี่ยวชาญ ที่ Zenista Clinic คลินิกกายภาพบำบัด เรามีโปรแกรมประเมินท่าทางและความสมดุลของกล้ามเนื้อ (Postural & Muscle Imbalance Assessment) และโปรแกรมฟื้นฟูเฉพาะบุคคล พร้อมเทคโนโลยี PMS และ Shockwave ที่ทันสมัย

    ท่านสามารถเข้ารับบริการได้ที่ Zenista Clinic ซึ่งเราพร้อมให้บริการทั้งที่คลินิกกายภาพบำบัดชลบุรี และคลินิกกายภาพบำบัดเพชรบุรี

    ปรึกษาและจองคิวได้ที่ Line ID: @zenista

    เพราะสมาร์ทโฟนไม่ผิด แต่อิริยาบถของเราต่างหากที่ควรอัปเดตให้ “ฉลาด” และถูกต้องตามหลักสรีระ

    บริการแนะนำ

    กายภาพบำบัด,กายภาพบำบัด ชลบุรี, กายภาพบำบัด เพชรบุรี

    กายภาพบำบัด

    คลินิกกายภาพบำบัด ชลบุรี เพชรบุรี ZENISTA CLINIC

    รักษาข้อเข่าเสื่อม,รักษาข้อเข่าเสื่อม ชลบุรี, รักษาข้อเข่าเสื่อม เพชรบุรี

    รักษาข้อเข่าเสื่อม

    คลินิกกายภาพบำบัด ชลบุรี เพชรบุรี ZENISTA CLINIC

    รักษาออฟฟิศซินโดรม,รักษาออฟฟิศซินโดรม ชลบุรี, รักษาออฟฟิศซินโดรม เพชรบุรี

    รักษาออฟฟิศซินโดรม

    รักษาออฟฟิศซินโดรม อาการปวดหลังเรื้อรัง