
หลายคนอาจเคยประสบกับความรู้สึกว่าเวลา “ยกแขนแล้วเจ็บไหล่” หรือมีอาการปวดไหล่จนบางครั้งไม่กล้าใช้งานแขนข้างนั้นอย่างเต็มที่ อาการเช่นนี้พบได้บ่อยในกลุ่มคนวัยทำงาน ผู้ที่ต้องใช้งานแขนในลักษณะซ้ำๆ หรือแม้แต่ผู้ที่มีอาการปวดคอบ่าไหล่เรื้อรังร่วมด้วย ซึ่งอาการเจ็บไหล่เมื่อยกแขนอาจเป็นสัญญาณเตือนของภาวะกล้ามเนื้ออักเสบ ที่เรียกว่า Myofascial Pain Syndrome รวมถึงโรคอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างภายในข้อไหล่ เช่น เอ็นไหล่อักเสบ (Tendinitis) หรือภาวะการบาดเจ็บจากการเสียดสีหรือกดทับ (Impingement Syndrome) เป็นต้น การทำความเข้าใจถึงสาเหตุที่แท้จริงของอาการและการดูแลที่ถูกต้องตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยป้องกันไม่ให้อาการพัฒนาไปเป็นปัญหาเรื้อรัง และยังช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดการบาดเจ็บซ้ำรุนแรงได้ในอนาคต
สาเหตุของอาการเจ็บไหล่เมื่อยกแขนที่พบได้บ่อย อาการเจ็บไหล่ที่เกิดขึ้นเมื่อยกแขนหรือเคลื่อนไหวข้อไหล่ในบางท่าทางนั้น มีสาเหตุมาจากความผิดปกติของโครงสร้างต่างๆ บริเวณรอบข้อไหล่ได้หลายประการ สาเหตุที่พบได้บ่อย ได้แก่
- ภาวะกล้ามเนื้อและพังผืดอักเสบ (Myofascial Pain Syndrome) เกิดจากการใช้งานกล้ามเนื้อบริเวณรอบสะบักและหัวไหล่ซ้ำๆ ในท่าทางที่ไม่เหมาะสมเป็นเวลานาน เช่น การยกของหนัก การเอื้อมหยิบของบ่อยๆ หรือแม้แต่การเกร็งคอและไหล่โดยไม่รู้ตัวขณะทำงาน ทำให้เกิดจุดกดเจ็บ (Trigger Points) ในกล้ามเนื้อ ซึ่งเมื่อกดจะปวดมากและอาจมีอาการปวดร้าวไปยังบริเวณอื่นได้
- กลุ่มอาการการกดทับเส้นเอ็นและถุงน้ำบริเวณข้อไหล่ (Impingement Syndrome) เป็นภาวะที่เส้นเอ็นของกล้ามเนื้อรอบข้อไหล่ (Rotator Cuff Tendons) หรือถุงน้ำลดการเสียดสี (Bursa) ถูกกดเบียดหรือหนีบอยู่ระหว่างส่วนบนของกระดูกต้นแขน (Humerus) กับส่วนของกระดูกสะบักที่เรียกว่า Acromion โดยเฉพาะเวลาที่ยกแขนขึ้นเหนือศีรษะ ทำให้เกิดการอักเสบและอาการปวด
- ภาวะเส้นเอ็นของกล้ามเนื้อหมุนหัวไหล่ฉีกขาด (Rotator Cuff Tear) เส้นเอ็นของกลุ่มกล้ามเนื้อ Rotator Cuff ซึ่งทำหน้าที่สำคัญในการหมุนและยกแขน อาจเกิดการฉีกขาดได้จากการใช้งานหนัก การบาดเจ็บเฉียบพลันจากอุบัติเหตุ หรือการเสื่อมสภาพตามวัย ทำให้มีอาการปวดรุนแรง โดยเฉพาะเวลากางแขนหรือยกแขน และอาจมีอาการอ่อนแรงร่วมด้วย
- ภาวะเอ็นกล้ามเนื้ออักเสบ (Tendinitis) เป็นการอักเสบของเส้นเอ็นบริเวณรอบข้อไหล่ ซึ่งอาจเกิดจากการใช้งานผิดท่า การใช้งานซ้ำๆ มากเกินไป หรือการบาดเจ็บเล็กน้อยสะสม ทำให้มีอาการปวดบริเวณเส้นเอ็นนั้นๆ และปวดมากขึ้นเมื่อมีการใช้งานกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้อง
- ภาวะข้อไหล่ติด (Frozen Shoulder หรือ Adhesive Capsulitis) เป็นภาวะที่เกิดการอักเสบและหนาตัวของเยื่อหุ้มข้อไหล่ ทำให้เกิดการยึดติดของข้อ ส่งผลให้ผู้ป่วยไม่สามารถขยับข้อไหล่ได้สุดพิสัยการเคลื่อนไหวในทุกทิศทาง และมีอาการเจ็บปวดมากเวลาพยายามเคลื่อนไหว
- ภาวะการกดทับเส้นประสาทส่วนคอ (Cervical Radiculopathy) ในบางกรณี อาการเจ็บไหล่อาจไม่ได้มีสาเหตุมาจากข้อไหล่โดยตรง แต่เกิดจากการที่ปลายเส้นประสาทบริเวณกระดูกสันหลังส่วนคอถูกกดทับ ทำให้มีอาการปวดร้าวหรือชาลงมาที่บริเวณบ่า ไหล่ และอาจลามไปถึงแขนได้
การวินิจฉัยทางคลินิกเพื่อหาสาเหตุ
เมื่อมีอาการยกแขนแล้วเจ็บไหล่ การได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้องจากแพทย์หรือนักกายภาพบำบัดผู้เชี่ยวชาญเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อที่จะได้วางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสม โดยผู้เชี่ยวชาญจะทำการประเมินดังนี้
- การซักประวัติ (History Taking) แพทย์หรือนักกายภาพบำบัดจะสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับลักษณะอาการปวด เช่น ปวดอย่างไร ปวดเมื่อไหร่ ปัจจัยที่ทำให้อาการดีขึ้นหรือแย่ลง รวมถึงประวัติการใช้งานแขน ท่าทางในการทำงาน กิจกรรมที่ทำเป็นประจำ ระยะเวลาที่เป็น และประวัติการบาดเจ็บหรือการรักษาที่เคยได้รับ
- การตรวจร่างกาย (Physical Examination) จะมีการตรวจดูบริเวณที่ปวดหรือบวม การคลำหาจุดกดเจ็บ การตรวจพิสัยการเคลื่อนไหวของข้อไหล่ในทิศทางต่างๆ การทดสอบกำลังของกล้ามเนื้อรอบข้อไหล่และสะบัก รวมถึงการตรวจดูอาการปวดที่สัมพันธ์กับการขยับในท่าทางเฉพาะ
- การทดสอบพิเศษทางคลินิก (Special Tests) นักกายภาพบำบัดอาจทำการทดสอบเฉพาะทางต่างๆ เพื่อช่วยในการวินิจฉัยแยกโรคและระบุโครงสร้างที่มีปัญหาได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น
- การตรวจเพิ่มเติมด้วยภาพถ่ายรังสีหรือ Ultrasound ในบางกรณีที่สงสัยภาวะรุนแรง เช่น กระดูกหัก เส้นเอ็นฉีกขาดขนาดใหญ่ หรือเพื่อยืนยันการวินิจฉัยภาวะเส้นเอ็นอักเสบหรือการมีหินปูนเกาะเส้นเอ็น แพทย์อาจพิจารณาส่งตรวจเพิ่มเติมด้วยภาพถ่ายรังสี (X-ray) หรือการตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (Musculoskeletal Ultrasound)
แนวทางการรักษาและฟื้นฟูอาการเจ็บไหล่
การรักษาอาการเจ็บไหล่เมื่อยกแขนจะขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของอาการ โดยมีแนวทางหลักๆ ดังนี้
การรักษาเบื้องต้นเมื่อมีอาการปวดเฉียบพลัน
- พักการใช้งานแขนข้างที่มีอาการชั่วคราว โดยหลีกเลี่ยงท่าทางหรือกิจกรรมที่กระตุ้นให้เกิดอาการปวดมากขึ้น เพื่อให้เนื้อเยื่อที่บาดเจ็บได้พักและลดการอักเสบ
- การประคบร้อนหรือประคบเย็น หากมีอาการปวดเฉียบพลัน บวม แดง ร้อน (ภายใน 24-48 ชั่วโมงแรก) แนะนำให้ประคบเย็นประมาณ 15-20 นาที เพื่อลดการอักเสบและบวม หากเป็นอาการปวดตึงเรื้อรังที่ไม่มีการอักเสบเฉียบพลัน การประคบอุ่นจะช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัวและการไหลเวียนเลือดดีขึ้น
- การรับประทานยาลดปวดหรือยาต้านการอักเสบ ภายใต้คำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร เพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดและการอักเสบในระยะสั้น
กายภาพบำบัดเพื่อการฟื้นฟูระยะยาว
- การลดอาการปวดและการอักเสบด้วยเครื่องมือทางกายภาพบำบัด เช่น การใช้ Ultrasound Therapy เพื่อลดการอักเสบและคลายกล้ามเนื้อในชั้นลึก การใช้ TENS (Transcutaneous Electrical Nerve Stimulation) เพื่อลดปวด หรือการทำ Trigger Point Release ด้วยมือหรือเครื่องมือเพื่อคลายจุดกดเจ็บในกล้ามเนื้อ
- การเพิ่มช่วงการเคลื่อนไหวและความยืดหยุ่น ด้วยเทคนิคการรักษาด้วยมือ (Manual Therapy) และการสอนท่ายืดกล้ามเนื้อบริเวณคอ บ่า ไหล่ และแขนที่ถูกต้อง เพื่อช่วยให้ข้อไหล่และกล้ามเนื้อโดยรอบกลับมาเคลื่อนไหวได้อย่างเต็มที่
- การเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ โดยเน้นกล้ามเนื้อรอบข้อไหล่ (Rotator Cuff Muscles) กล้ามเนื้อรอบสะบัก (Scapular Stabilizers) และกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว เพื่อเพิ่มความมั่นคงให้กับข้อไหล่และป้องกันการบาดเจ็บซ้ำ
หากมีอาการเหล่านี้ควรพบแพทย์หรือนักกายภาพบำบัดทันที
- อาการเจ็บไหล่ไม่ดีขึ้นหรือแย่ลง ภายใน 3-5 วัน แม้จะพักการใช้งานและดูแลตนเองเบื้องต้นแล้ว
- มีอาการเจ็บปวดมากจนไม่สามารถนอนตะแคงทับด้านนั้นได้ หรืออาการปวดรบกวนการนอนหลับอย่างต่อเนื่อง
- ขยับข้อไหล่แล้วมีเสียงลั่นผิดปกติ หรือรู้สึกเหมือนข้อไหล่หลวมหรือหลุดออกจากเบ้า
- มีอาการชา อ่อนแรงที่แขนหรือมือ หรือไม่สามารถยกแขนหรือใช้งานแขนข้างนั้นได้ตามปกติ
ข้อควรระวังและการป้องกันอาการเจ็บไหล่
- หลีกเลี่ยงการยกของหนักเกินกำลัง หรือการยกของในท่าทางที่ผิด เช่น การเอื้อมหยิบของที่อยู่ไกลหรือสูงเกินไปโดยไม่ใช้บันไดหรืออุปกรณ์ช่วย
- ใช้หมอนหนุนศีรษะและคอให้เหมาะสมขณะนอนหลับ เพื่อให้คอและไหล่อยู่ในแนวที่เป็นธรรมชาติ ไม่เกร็งหรือบิดงอ
- ยืดกล้ามเนื้อบริเวณคอ บ่า และไหล่เป็นประจำ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์หรือใช้แขนในท่าเดิมนานๆ
- ฝึกท่ากายบริหารง่ายๆ เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของข้อไหล่ เช่น Pendulum exercise (การแกว่งแขนเบาๆ), Wall slide (การไต่แขนขึ้นกำแพง), หรือ Scapular squeeze (การบีบสะบักเข้าหากัน) ตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ
อาการ “ยกแขนแล้วเจ็บไหล่” ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยที่จะมองข้ามได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีอาการปวดคอบ่าไหล่ร่วมด้วย เพราะอาจเป็นสัญญาณของภาวะกล้ามเนื้ออักเสบ หรือโรคข้อไหล่อื่นๆ ที่ต้องการการดูแลจากผู้เชี่ยวชาญอย่างถูกวิธี การเข้ารับการประเมินและทำกายภาพบำบัดตั้งแต่ระยะแรกที่มีอาการ จะช่วยป้องกันไม่ให้อาการพัฒนาไปเป็นปัญหาเรื้อรัง และช่วยให้คุณกลับมาใช้ชีวิตและทำกิจกรรมต่างๆ ได้ตามปกติอีกครั้ง
หากคุณหรือคนใกล้ตัวมีอาการยกแขนแล้วเจ็บไหล่ หรือมีปัญหาปวดไหล่ในลักษณะนี้ อย่าปล่อยทิ้งไว้จนอาการรุนแรงขึ้น Zenista Clinic คลินิกกายภาพบำบัด พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลอย่างใกล้ชิดจากทีมนักกายภาพบำบัดมืออาชีพ ท่านสามารถเข้ารับบริการได้ที่ Zenista Clinic ซึ่งเราพร้อมให้บริการทั้งที่คลินิกกายภาพบำบัดชลบุรี และคลินิกกายภาพบำบัดเพชรบุรี
สอบถามเพิ่มเติมหรือนัดหมายล่วงหน้าได้ที่ Line ID: @zenista