
หลายคนอาจเริ่มต้นจากความรู้สึกเพียงแค่เมื่อยหลังหรือปวดต้นคอเวลานั่งทำงาน แต่เมื่อเวลาผ่านไปไม่นานอาการกลับหนักขึ้นจนไม่สามารถทำงานต่อเนื่องได้ ต้องลุกขึ้นมายืดเส้นยืดสายเป็นระยะๆ หรือในบางครั้งก็มีอาการปวดจนร้าวขึ้นไปที่ศีรษะ นี่แหละครับคือสัญญาณของออฟฟิศซินโดรมที่เริ่มมีอาการหนักขึ้น
คำถามสำคัญคือ แค่ไหนถึงจะเรียกว่าอาการหนักจนเสี่ยงที่จะกลายเป็นปัญหาเรื้อรัง? และเราจะสามารถสังเกตตัวเองได้อย่างไรว่าอาการปวดเมื่อยธรรมดากำลังพัฒนาไปสู่ภาวะที่อาจแก้ไขได้ยากขึ้นเรื่อยๆ
จากปวดเมื่อยธรรมดา สู่จุดที่ควรระวัง
ออฟฟิศซินโดรมมี “ระดับของความรุนแรง” ที่เราพอจะจับสัญญาณได้ ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นระยะต่างๆ ดังนี้
- ระยะเริ่มต้น มักมีอาการปวดเมื่อยหรือตึงๆ บริเวณคอ บ่า ไหล่ หรือหลัง โดยอาการจะเกิดขึ้นเฉพาะตอนที่นั่งทำงานเป็นเวลานาน และเมื่อได้ลุกขึ้นขยับร่างกายหรือพักผ่อน อาการก็จะทุเลาลง
- ระยะปานกลาง อาการปวดจะเริ่มเกิดขึ้นบ่อยครั้งขึ้น แม้จะพักการทำงานแล้วก็ยังคงมีความรู้สึกตึงของกล้ามเนื้อหลงเหลืออยู่ อาจเริ่มมีอาการปวดศีรษะแบบตื้อๆ หรือรู้สึกอ่อนเพลียในช่วงบ่ายของวันทำงานร่วมด้วย
- ระยะเสี่ยงเรื้อรัง
- มีอาการปวดร้าวลงแขนหรือขึ้นไปที่ศีรษะบ่อยครั้ง
- เริ่มมีอาการชาหรือรู้สึกเหน็บๆ บริเวณแขน มือ หรือปลายนิ้ว
- อาการปวดรุนแรงจนรบกวนการนอนหลับ
- จำเป็นต้องใช้ยาแก้ปวดหรือยาคลายกล้ามเนื้อบ่อยขึ้นเพื่อให้สามารถทำงานต่อได้
- อาการปวดไม่หายไปอย่างสมบูรณ์แม้จะพักผ่อนหรือยืดเส้นยืดสายแล้วก็ตาม
หากคุณเริ่มมีอาการเข้าข่ายในระยะหลังๆ นี่คือสัญญาณสำคัญว่าออฟฟิศซินโดรมกำลังพัฒนาไปสู่อาการเรื้อรัง ซึ่งจะรักษาได้ยากขึ้น และอาจกลายเป็นโรคทางโครงสร้างอื่นๆ ตามมาได้ เช่น ภาวะหมอนรองกระดูกเสื่อม ภาวะเส้นประสาทถูกกดทับ หรือภาวะกล้ามเนื้ออักเสบเรื้อรัง
ตารางเปรียบเทียบอาการออฟฟิศซินโดรมในแต่ละระยะ
| ระยะ | ลักษณะอาการ | ความเสี่ยง | สิ่งที่ควรทำทันที |
|---|---|---|---|
| เริ่มต้น | - ปวดเมื่อย ตึง บริเวณคอ บ่า ไหล่ หรือหลัง - อาการเกิดตอนนั่งนานๆ แต่ดีขึ้นเมื่อพักหรือยืดเส้น | ความเสี่ยงต่ำ ยังสามารถแก้ไขได้ง่าย | ปรับท่านั่งให้ถูกต้อง ลุกขึ้นขยับร่างกายบ่อยๆ และเริ่มออกกำลังกายเบื้องต้น |
| ปานกลาง | - อาการปวดเกิดขึ้นบ่อยขึ้น แม้พักแล้วยังคงมีอาการตึงหลงเหลือ - มีอาการปวดศีรษะแบบตื้อๆ หรืออ่อนเพลียร่วมด้วย - อาจเริ่มใช้ยาแก้ปวดเป็นครั้งคราว | ความเสี่ยงปานกลาง หากไม่รีบแก้ไขมีโอกาสพัฒนาไปสู่ภาวะเรื้อรัง | จัดสภาพแวดล้อมโต๊ะทำงานใหม่ให้ถูกหลักสรีรศาสตร์ เพิ่มการออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหลังและแกนกลางลำตัว |
| เสี่ยงเรื้อรัง | - ปวดร้าวลงแขนหรือขึ้นศีรษะบ่อยๆ - มีอาการชา เหน็บ หรืออ่อนแรงที่แขนหรือมือ - ปวดจนรบกวนการนอนหลับ และต้องใช้ยาแก้ปวดบ่อยขึ้น | ความเสี่ยงสูง อาจกลายเป็นภาวะหมอนรองกระดูกเสื่อมหรือเส้นประสาทถูกกดทับได้ | ควรรีบไปพบแพทย์หรือนักกายภาพบำบัดเพื่อทำการประเมินและวางแผนการรักษาอย่างตรงจุด |
ทำไมอาการปวดเมื่อยธรรมดาถึงกลายเป็นปัญหาเรื้อรังได้?
สาเหตุก็เพราะร่างกายของเราถูกใช้งานในท่าทางที่ผิดซ้ำๆ ทุกวัน ในขณะที่เราอาจจะยังไม่ได้แก้ไขที่ต้นตอของปัญหา เช่น โต๊ะทำงานที่ไม่เหมาะสม เก้าอี้ที่ไม่รองรับสรีระ หรือการที่เราไม่เคยลุกขึ้นขยับร่างกายเลย ผลลัพธ์คือกล้ามเนื้อบางมัดต้องทำงานหนักและเกร็งตัวค้างอยู่ตลอดเวลา ทำให้เกิดการขาดเลือดไปเลี้ยงและเกิดการสะสมของเสีย ข้อต่อถูกกดทับซ้ำๆ จนสูญเสียความยืดหยุ่น และเมื่อเวลาผ่านไปก็อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้างที่ยากจะย้อนกลับคืนมาได้
จะรู้ได้อย่างไรว่าอาการเริ่มอันตราย?
- มีอาการปวดหลังหรือคอจนต้องหยุดงานบ่อยครั้ง
- รู้สึกว่าแขนหรือขาอ่อนแรงลง หยิบจับของไม่ถนัด หรือของหลุดจากมือง่าย
- มีอาการชาตามแขน มือ หรือปลายนิ้วอย่างต่อเนื่อง
- มีอาการปวดศีรษะบ่อยขึ้นเรื่อยๆ แม้จะพักผ่อนเต็มที่แล้วก็ตาม
- คุณภาพการนอนลดลง ตื่นมาแล้วไม่สดชื่นเพราะอาการปวดรบกวน
หากคุณมีอาการเหล่านี้เกิดขึ้นซ้ำๆ ไม่ควรมองข้ามอีกต่อไป เพราะนี่คือสัญญาณว่าออฟฟิศซินโดรมกำลัง “ข้ามเส้น” จากอาการเมื่อยล้าทั่วไปไปสู่ภาวะเรื้อรังแล้ว
วิธีป้องกันไม่ให้ออฟฟิศซินโดรมมีอาการหนักขึ้น
- จัดโต๊ะทำงานใหม่ให้เป็นมิตรกับสรีระ โดยให้จอคอมพิวเตอร์อยู่ในระดับสายตา ใช้เก้าอี้ที่มีพนักพิงและอาจมีหมอนรองรับเอว
- พักและขยับร่างกายทุกๆ 30–60 นาที เพียงแค่ลุกขึ้นยืน เดิน หรือทำท่าง่ายๆ เช่น หมุนไหล่ หรือบิดลำตัว ก็สามารถช่วยได้มาก
- ออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวและหลัง เช่น ท่า Plank หรือท่า Bridge
- ใช้ความร้อนช่วยผ่อนคลาย การประคบร้อนหลังเลิกงานจะช่วยลดความตึงตัวของกล้ามเนื้อได้
- จัดการกับความเครียดและนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะความเครียดทำให้กล้ามเนื้อหดเกร็งโดยไม่รู้ตัว
คำถามที่ว่า “ออฟฟิศซินโดรม อาการหนักแค่ไหนถึงเสี่ยงเรื้อรัง?” คำตอบคือ เมื่ออาการปวดเริ่มรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันของคุณ ปวดบ่อยขึ้นแม้จะพักแล้วก็ยังไม่ดีขึ้น หรือเริ่มมีอาการชา อ่อนแรง หรือปวดร้าว นั่นคือจุดที่คุณควรหาวิธีการรักษาอย่างจริงจัง ไม่ใช่เพียงแค่การนวดหรือพักผ่อนชั่วคราวอีกต่อไป
หากคุณเริ่มมีอาการที่เข้าข่ายออฟฟิศซินโดรมในระยะที่น่ากังวล ที่ Zenista Clinic คลินิกกายภาพบำบัด ทีมนักกายภาพบำบัดของเราพร้อมที่จะช่วยประเมินและออกแบบโปรแกรมการฟื้นฟูที่ตรงจุดและเหมาะสมกับคุณโดยเฉพาะ ท่านสามารถเข้ารับบริการได้ที่ Zenista Clinic ซึ่งเราพร้อมให้บริการทั้งที่คลินิกกายภาพบำบัดชลบุรี และคลินิกกายภาพบำบัดเพชรบุรี
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือจองคิวเข้ารับคำปรึกษาและวางแผนการรักษาได้ง่ายๆ ผ่าน Line ID: @zenista