
ปัญหาสมรรถภาพทางเพศ หรือที่หลายคนเรียกว่า “นกเขาไม่ขัน” ไม่ได้ส่งผลกระทบแค่เรื่องบนเตียง แต่ยังสามารถบั่นทอนความมั่นใจและคุณภาพชีวิตโดยรวมได้ ผู้ชายหลายคนอาจเคยพึ่งพาการใช้ยา แต่ก็พบว่าต้องรับประทานซ้ำทุกครั้ง หรือบางครั้งผลลัพธ์ก็ไม่คงที่เหมือนเดิม ปัจจุบันมีวิธีการรักษาแนวใหม่ที่เรียกว่า ED Shockwave ซึ่งเป็นการใช้คลื่นกระแทกพลังงานต่ำเพื่อช่วยกระตุ้นการสร้างหลอดเลือดฝอยเล็กๆ ทำให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น และส่งผลให้การแข็งตัวของอวัยวะเพศเป็นไปตามธรรมชาติมากขึ้น
คำถามสำคัญที่ผู้ชายแทบทุกคนอยากรู้คือ “ต้องทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผลจริง?”
มีงานวิจัยทางการแพทย์หลายชิ้น รวมถึงแนวทางเวชปฏิบัติในระดับสากล ที่ให้คำตอบในเรื่องนี้ไว้อย่างน่าสนใจ เราจะสรุปให้คุณเข้าใจง่ายๆ ในบทความนี้ครับ
ED Shockwave คืออะไร
ED Shockwave หรือการรักษาสมรรถภาพทางเพศด้วย “คลื่นกระแทก” เป็นการส่งคลื่นกระแทกพลังงานต่ำอย่างนุ่มนวลไปยังบริเวณองคชาตและฐานองคชาต โดยมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายเกิดการซ่อมแซมและสร้างเส้นเลือดฝอยเล็กๆ ขึ้นมาใหม่ ทำให้การไหลเวียนของเลือดไปยังบริเวณดังกล่าวดีขึ้น การแข็งตัวของอวัยวะเพศจึงมีคุณภาพดีขึ้นและเป็นไปตามธรรมชาติอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งจะแตกต่างจากการใช้ยาที่ออกฤทธิ์เพียงชั่วคราว เพราะวิธีนี้มุ่งเน้นการปรับปรุงที่ “สาเหตุด้านหลอดเลือด” โดยตรง
ต้องทำกี่ครั้งถึงจะเริ่มเห็นผล?
จากการสรุปข้อมูลงานวิจัยและแนวทางเวชปฏิบัติที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน สามารถให้ข้อมูลได้ดังนี้
- ผู้ป่วยส่วนใหญ่อาจเริ่มสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นได้หลังทำการรักษาไปแล้วประมาณ 4–6 ครั้ง
- โปรแกรมการรักษามาตรฐานที่นิยมใช้กันบ่อยคือ 6–12 ครั้ง โดยมีความถี่ในการทำสัปดาห์ละ 1–2 ครั้ง
- ผลลัพธ์ที่ชัดเจนที่สุดมักจะปรากฏในช่วง 1–3 เดือน หลังเริ่มต้นหรือจบโปรแกรมการรักษา เนื่องจากร่างกายต้องใช้เวลาในการสร้างเส้นเลือดใหม่และฟื้นฟูเนื้อเยื่อ
- ผลลัพธ์จากการรักษาอาจอยู่ได้นานหลายเดือนไปจนถึงประมาณ 1 ปี หรือมากกว่านั้นในผู้ป่วยบางราย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยด้านสุขภาพโดยรวมและการดูแลตนเองควบคู่กันไปด้วย
พูดง่ายๆ คือ หากคุณมีปัญหาการแข็งตัวที่เกี่ยวข้องกับระบบหลอดเลือด (Vasculogenic ED) โอกาสที่จะเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นหลังทำการรักษา 4–6 ครั้งนั้นค่อนข้างสูง และเมื่อทำครบคอร์ส 6–12 ครั้งก็จะยิ่งเห็นผลที่ชัดเจนขึ้น
ทำไมบางคนต้องทำจำนวนครั้งมากกว่าคนอื่น?
- ระดับความรุนแรงของปัญหาการแข็งตัว หากภาวะ ED มีความรุนแรงมาก ก็อาจต้องใช้จำนวนครั้งในการรักษามากขึ้นเพื่อกระตุ้นการฟื้นฟู
- การมีโรคร่วม เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือไขมันในเลือดสูง รวมถึงพฤติกรรมการสูบบุหรี่ ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้หลอดเลือดเสื่อมสภาพและอาจทำให้ร่างกายสร้างเส้นเลือดใหม่ได้ช้าลง
- สาเหตุของภาวะ ED หากมีสาเหตุมาจากปัจจัยอื่นร่วมด้วย เช่น ระดับฮอร์โมนที่ผิดปกติ ความเครียด หรือปัจจัยทางด้านจิตใจ ก็จำเป็นต้องทำการรักษาสาเหตุเหล่านั้นควบคู่กันไป
- พฤติกรรมสุขภาพโดยรวม การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การควบคุมอาหาร การนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอ และการเลิกสูบบุหรี่ จะช่วยส่งเสริมให้ผลการรักษาอยู่ได้นานและชัดเจนยิ่งขึ้น
ปลอดภัยไหม ต้องพักงานหรือเปล่า?
โดยทั่วไปแล้ว การรักษาด้วย ED Shockwave มีความปลอดภัยสูงและมีผลข้างเคียงต่ำมาก อาการที่อาจพบได้คือการระคายเคืองผิวหนังหรือรู้สึกตึงเล็กน้อยเฉพาะที่ซึ่งเป็นอยู่เพียงชั่วคราวเท่านั้น การรักษานี้ไม่ต้องดมยาสลบ และที่สำคัญคือไม่ต้องพักงาน เมื่อทำเสร็จสามารถเดินทางกลับและใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ แต่ควรทำกับสถานพยาบาลที่มีมาตรฐานและมีทีมผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์คอยดูแลและคัดกรองผู้ป่วยก่อนเริ่มการรักษาเสมอ
ทำร่วมกับการใช้ยาได้ไหม?
สามารถทำได้ และในผู้ป่วยบางรายยังอาจช่วย “เสริมฤทธิ์” ซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่เริ่มตอบสนองต่อยาในกลุ่ม PDE5 ได้ไม่ดีเท่าเดิม การทำ ED Shockwave ควบคู่กันไปอาจช่วยให้การตอบสนองต่อยากลับมาดีขึ้นได้ ซึ่งแพทย์หรือนักกายภาพบำบัดจะเป็นผู้พิจารณาตามความเหมาะสมกับอาการและประวัติสุขภาพของแต่ละบุคคล
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q: กี่ครั้งถึงจะเริ่มเห็นผล?
A: โดยส่วนใหญ่ผู้ป่วยอาจเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นได้ที่ประมาณ 4–6 ครั้ง และจะเห็นผลชัดเจนขึ้นเมื่อทำการรักษาครบโปรแกรมที่ 6–12 ครั้ง โดยช่วงเวลาที่เห็นผลได้ชัดเจนที่สุดคือประมาณ 1–3 เดือนหลังเริ่มต้นการรักษา
Q: ผลการรักษาอยู่ได้นานแค่ไหน?
A: ผลลัพธ์อาจอยู่ได้ตั้งแต่หลายเดือนไปจนถึงประมาณหนึ่งปีหรือมากกว่านั้นในผู้ป่วยบางราย หากมีการดูแลสุขภาพโดยรวมเป็นอย่างดี ผลการรักษาก็จะยิ่งอยู่ได้นานขึ้น
Q: เจ็บไหม?
A: ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักไม่รู้สึกเจ็บ อาจมีความรู้สึกตึงๆ หรือเหมือนมีแรงสะท้อนเบาๆ ระหว่างการทำเล็กน้อย ซึ่งจะหายไปเองหลังทำเสร็จ และไม่จำเป็นต้องพักงาน
Q: ถ้ามีโรคเบาหวานหรือความดันโลหิตสูง สามารถทำได้ไหม?
A: สามารถทำได้ และยังเป็นการรักษาที่เหมาะกับผู้ป่วยกลุ่มนี้ซึ่งมักมีปัญหาหลอดเลือด แต่ผู้ป่วยควรควบคุมโรคประจำตัวเหล่านั้นให้ดี เพราะการควบคุมโรคที่ไม่ดีอาจทำให้ต้องใช้จำนวนครั้งในการรักษามากขึ้นและผลการรักษาอาจช้ากว่าคนทั่วไป
Q: จำเป็นต้องกินยาร่วมด้วยหรือไม่?
A: ไม่จำเป็นสำหรับทุกคน แต่ในบางกรณี การใช้ยาร่วมด้วย (เช่น ยากลุ่ม PDE5) อาจช่วยให้การตอบสนองต่อการรักษาดีขึ้น ซึ่งแพทย์หรือนักกายภาพบำบัดจะเป็นผู้ประเมินเป็นรายบุคคล
Q: ทำไมบางคลินิกแนะนำ 6 ครั้ง ในขณะที่บางที่แนะนำ 12 ครั้ง?
A: เนื่องจากยังไม่มี “สูตรการรักษาที่ตายตัว” สำหรับทุกคน แม้ว่าคลินิกส่วนใหญ่จะใช้โปรโตคอลการรักษาที่ใกล้เคียงกัน แต่จำนวนครั้งที่เหมาะสมที่สุดจะถูกปรับตามระดับความรุนแรงของอาการ การตอบสนองต่อการรักษา และสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วยแต่ละราย
Q: ใครคือกลุ่มที่เหมาะที่สุดกับวิธีนี้?
A: ผู้ที่มีภาวะ ED ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากปัญหาหลอดเลือด โดยมีความรุนแรงในระดับไม่มากถึงปานกลาง และเป็นผู้ที่ต้องการลดการพึ่งพายาในระยะยาว
Q: มีข้อห้ามอะไรบ้าง?
A: หากมีแผลติดเชื้อบริเวณอวัยวะเพศ มีภาวะมะเร็งในบริเวณนั้น หรือมีภาวะเลือดออกง่ายที่ยังควบคุมไม่ได้ ควรหลีกเลี่ยงหรือให้แพทย์เป็นผู้พิจารณาความเหมาะสมเป็นกรณีไป
ที่ Zenista Clinic คลินิกกายภาพบำบัด เราพร้อมให้การประเมินสาเหตุ วางโปรแกรมการรักษาด้วย ED Shockwave ที่เหมาะสมกับคุณ และติดตามผลการรักษาอย่างเป็นระบบ เพื่อให้คุณได้รับผลลัพธ์ที่ดี ปลอดภัย และยั่งยืน
ท่านสามารถเข้ารับบริการได้ที่ Zenista Clinic ซึ่งเราพร้อมให้บริการทั้งที่คลินิกกายภาพบำบัดชลบุรี และคลินิกกายภาพบำบัดเพชรบุรี
สอบถามเพิ่มเติมหรือจองคิวได้ที่ Line ID: @zenista