
โรคข้อเข่าเสื่อมในผู้สูงอายุเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยและส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพชีวิต ทั้งในด้านการเดิน การเคลื่อนไหว และการทำกิจวัตรประจำวัน หลายท่านอาจคิดว่าการเสื่อมของข้อเข่าเป็นเรื่องธรรมชาติที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เมื่ออายุมากขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว เราสามารถดูแลและป้องกันไม่ให้อาการลุกลามรุนแรงได้ หากมีความเข้าใจในสาเหตุ ปัจจัยเสี่ยง และวิธีดูแลที่ถูกต้องและต่อเนื่อง
บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจว่า “โรคข้อเข่าเสื่อมในผู้สูงอายุ” เกิดจากอะไร เราจะป้องกันได้อย่างไร และมีวิธีดูแลข้อเข่าอย่างไรให้อยู่กับเราไปได้นานที่สุด
สาเหตุของโรคข้อเข่าเสื่อมในผู้สูงอายุ
- การเสื่อมสภาพตามวัย เป็นสาเหตุหลัก โดยกระดูกอ่อนที่ทำหน้าที่บุผิวข้อเข่าได้ถูกใช้งานสะสมมาเป็นเวลานานจนค่อยๆ บางลงและสึกกร่อน
 - น้ำหนักตัวที่เกินเกณฑ์ ทำให้แรงกดที่กระทำต่อข้อเข่าเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวในทุกย่างก้าว ซึ่งเร่งให้ผิวข้อเสื่อมเร็วขึ้นอย่างมาก
 - พฤติกรรมการใช้งานข้อเข่าซ้ำๆ ในท่าที่ไม่เหมาะสม เช่น การนั่งยองๆ การนั่งพับเพียบ หรือการคุกเข่าเป็นประจำ ล้วนเพิ่มแรงกดดันต่อข้อเข่าโดยตรง
 - ภาวะกล้ามเนื้อรอบข้อเข่าอ่อนแรง โดยเฉพาะกล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้า ทำให้ข้อเข่าขาดความมั่นคงและต้องรับแรงกระแทกโดยตรงมากขึ้น
 - ประวัติการเกิดอุบัติเหตุหรือการบาดเจ็บที่ข้อเข่าในอดีต ซึ่งอาจสร้างความเสียหายต่อโครงสร้างภายในข้อและเพิ่มโอกาสในการเสื่อมเร็วกว่าปกติ
 
อาการที่ต้องระวังในผู้สูงอายุ
- อาการปวดเข่าที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง โดยเฉพาะเวลาลุกขึ้นยืนจากท่านั่ง หรือขณะเดินและขึ้นลงบันได
 - มีเสียงกรอบแกรบ (Crepitus) ในข้อเข่าเวลาเคลื่อนไหว ซึ่งเกิดจากการเสียดสีของผิวข้อที่ไม่เรียบ
 - มีอาการข้อเข่าบวมตึง โดยเฉพาะหลังจากการใช้งานข้อเข่าเป็นเวลานาน
 - รู้สึกข้อเข่าฝืดหรือตึง โดยเฉพาะในช่วงเช้าหลังตื่นนอน (Morning Stiffness)
 - อาจเริ่มสังเกตเห็นลักษณะขาโก่งหรือรูปร่างของข้อเข่าที่ผิดปกติไปจากเดิม
 - รู้สึกไม่มั่นคงขณะลงน้ำหนัก รู้สึกเหมือนเข่าจะทรุดหรือไม่มีแรง
 
วิธีป้องกันไม่ให้อาการข้อเข่าเสื่อมลุกลาม
1. ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม
การควบคุมน้ำหนักเป็นวิธีที่ให้ผลดีที่สุด เพราะเป็นการช่วยลดแรงกดและแรงเสียดสีที่กระทำต่อข้อเข่าโดยตรง มีข้อมูลว่าการลดน้ำหนักเพียง 5–10% ของน้ำหนักตัวเริ่มต้น สามารถช่วยลดอาการปวดและชะลอการเสื่อมของข้อได้อย่างชัดเจน
2. หลีกเลี่ยงท่าทางที่ทำร้ายข้อเข่า
- หลีกเลี่ยงการนั่งในท่าที่งอเข่ามากๆ เป็นเวลานาน เช่น การนั่งยองๆ การนั่งพับเพียบ หรือการคุกเข่า
 - ลดการเดินขึ้นลงบันไดโดยไม่จำเป็น หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ควรใช้ราวจับช่วยพยุงและก้าวอย่างช้าๆ
 - หลีกเลี่ยงการยกของหนักในท่าที่ต้องก้มหลังและกดน้ำหนักลงที่เข่าโดยตรง
 
3. เสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบข้อเข่า
- เน้นการออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้า (Quadriceps) กล้ามเนื้อรอบสะโพก และกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อสำคัญที่ช่วยพยุงข้อเข่า
 - ควรฝึกท่าออกกำลังกายที่มีแรงกระแทกต่ำ (Low-impact exercise) เช่น การยกขาเหยียดตรงขณะนั่งหรือนอน การปั่นจักรยานช้าๆ หรือการออกกำลังกายในน้ำ เช่น การเดินในน้ำ
 - ควรทำอย่างสม่ำเสมอเพื่อเพิ่มความมั่นคงและช่วยลดแรงกดภายในข้อ
 
4. ใช้อุปกรณ์ช่วยพยุงเมื่อจำเป็น
- การใช้สนับเข่า (Knee Support) สามารถช่วยเพิ่มความรู้สึกมั่นคงและลดอาการปวดขณะทำกิจกรรมได้
 - การใช้ไม้เท้าสำหรับผู้ที่เข่าอ่อนแรงหรือเดินไม่มั่นคง โดยควรใช้ไม้เท้าในฝั่งตรงข้ามกับขาข้างที่ปวดเพื่อช่วยลดแรงกระทำต่อข้อเข่า
 
5. เลือกรองเท้าที่เหมาะสม
ควรเลือกรองเท้าที่มีพื้นนุ่มและหนาพอที่จะสามารถซับแรงกระแทกได้ดี และควรหลีกเลี่ยงการใส่รองเท้าส้นสูงหรือรองเท้าที่มีพื้นแข็งซึ่งจะเพิ่มแรงกดลงที่ข้อเข่าโดยตรง
6. การทำกายภาพบำบัดอย่างต่อเนื่อง
- นักกายภาพบำบัดอาจพิจารณาใช้เครื่องมือทางกายภาพบำบัดเพื่อช่วยลดอาการปวดและบวม เช่น คลื่นอัลตราซาวด์ (Ultrasound Therapy) หรือ เครื่องกระตุ้นไฟฟ้า (TENS)
 - นักกายภาพบำบัดจะออกแบบโปรแกรมการออกกำลังกายที่ปลอดภัยและเหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้ออย่างตรงจุด
 - มีการฝึกท่าทางและการเดินที่ถูกต้อง เพื่อลดภาระต่อข้อเข่าในชีวิตประจำวันอย่างปลอดภัย
 
7. การตรวจสุขภาพข้อเข่าเป็นประจำ
การเข้ารับการตรวจประเมินโดยแพทย์หรือนักกายภาพบำบัดอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้สามารถตรวจพบการเสื่อมได้ตั้งแต่เนิ่นๆ และสามารถวางแผนการดูแลได้ทันท่วงทีก่อนที่อาการจะลุกลาม
ตารางเปรียบเทียบ: สิ่งที่ควรทำ vs สิ่งที่ควรเลี่ยงสำหรับผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อม
| สิ่งที่ควรทำ ✅ | สิ่งที่ควรเลี่ยง ❌ | 
|---|---|
| ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม | ปล่อยให้น้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน | 
| ออกกำลังกายที่มีแรงกระแทกต่ำเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของข้อเข่า | การนั่งยองๆ นั่งพับเพียบ หรือคุกเข่าเป็นประจำ | 
| ใช้รองเท้าที่มีพื้นนุ่มและสามารถซับแรงกระแทกได้ดี | การใส่รองเท้าส้นสูงหรือรองเท้าที่มีพื้นแข็ง | 
| ยืดเหยียดกล้ามเนื้อรอบข้อเข่าทุกวัน | การนั่งหรือยืนในท่าเดิมเป็นเวลานานๆ โดยไม่ขยับ | 
| เข้ารับการทำกายภาพบำบัดตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ | การซื้อยามารับประทานเองโดยไม่ได้รับการประเมินจากแพทย์ | 
ดูแลข้อเข่าเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าในวัยสูงอายุ
หากคุณหรือคนในครอบครัวกำลังเผชิญกับปัญหาโรคข้อเข่าเสื่อมในผู้สูงอายุ ที่ Zenista Clinic คลินิกกายภาพบำบัด เรามีทีมนักกายภาพบำบัดผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลอย่างใกล้ชิด
เรามีความเข้าใจในสภาวะร่างกายของผู้สูงอายุและสามารถออกแบบโปรแกรมการรักษาและฟื้นฟูที่ปลอดภัยและเหมาะสมกับแต่ละบุคคล ท่านสามารถเข้ารับบริการได้ที่ Zenista Clinic ซึ่งเราพร้อมให้บริการทั้งที่คลินิกกายภาพบำบัดชลบุรี และคลินิกกายภาพบำบัดเพชรบุรี
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือจองคิวเข้ารับคำปรึกษาและวางแผนการรักษาได้ง่ายๆ ผ่าน Line ID: @zenista